การถ่ายภาพเป็นศิลปะอย่างหนึ่งโดยใช้เทคโนโลยีกล้องถ่ายรูป ซึ่งในสมัยก่อนนั้นการจะถ่ายภาพในแต่ละครั้งเป็นสิ่งที่ยากมาก เพราะกล้องถ่ายรูปในสมัยก่อนไม่ได้เป็นแบบระบบดิจิตอลเหมือนอย่างสมัยนี้ ซึ่งการถ่ายภาพในสมัยโบราณนั้นจะใช้กระดาษเคลือบสารเคมี ที่ไวต่อแสงนำเข้าไปในกล้องเพื่อถ่ายภาพ โดยลักษณะของกล้องถ่ายภาพในสมัยก่อนเป็นกล่องสี่เหลี่ยมมีกระบอกเลนส์ติดอยู่ด้านหน้า และเมื่อใส่แผ่นกระดาษเคลือบสารเคมีลงไปในกล้องถ่ายภาพ ผู้ถ่ายจะนำกล้องถ่ายภาพไปในสถานที่ที่มีแสงจ้า ใช้ขาตั้งวางกล้องเอาไว้แล้วเปิดหน้าเลนส์ เพื่อให้แสงผ่านเข้าเลนส์ไปตกกระทบที่กระดาษเคลือบสารเคมีนั้น กว่าจะได้ภาพจะต้องรออยู่หลายนาที จุดสีแดงจุดโฟกัส ต่อมาการถ่ายภาพเปลี่ยนจากแผ่นกระดาษเคลือบสารเคมีมาใช้แผ่นฟิล์ม ที่ใช้สารเคมีซึ่งมีความไวต่อแสง ตัวกล้องถ่ายรูปใช้ระบบการกดชัตเตอร์เพื่อเปิดรูรับแสงให้แสงผ่านเลนส์เข้าไปตกกระทบที่ฟิล์ม จากนั้นจึงเอาฟิล์มไปล้างด้วยน้ำยาสารเคมีถึงจะได้ภาพมา ซึ่งฟิล์มในสมัยแรก ๆ นั้นจะเป็น ฟิล์มที่ให้สีขาวดำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทันสมัยมากในช่วงเวลานั้น ต่อมาเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ฟิล์มสี ได้เกิดขึ้นทำให้การถ่ายภาพมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้น และการใช้ฟิล์มสีนั้นก็ใช้เรื่องมาถึง 50 ปี จนกระทั่งก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 การถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิตอลเกิดขึ้นทำให้วงการการถ่ายภาพเปลี่ยนไป จากแต่ก่อนใช้ฟิล์มสีที่เป็นหลักและไม่สามารถที่จะกำหนดค่าความไวแสงได้ ซึ่งความไวแสงนั้นจะถูกกำหนดด้วยฟิล์มที่เคลือบด้วยสารเคมีที่มีความไวต่อแสง โดยทั่วไปจะมีค่าความไวแสงอยู่ 2 ค่าคือ 200 และ 400 โฟกัสที่เกสรดอกไม้ กล้องดิจิตอลที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 21 ค่า ISO หรือค่าความไวแสงจะถูกปรับในตัวกล้องถ่ายรูป และเปลี่ยนจากการใช้ฟิล์มในการบันทึกภาพมาเป็นเมมโมรี่การ์ด ซึ่งเมมโมรี่การ์ด 1 แผ่นนั้นสามารถบรรจุได้หลายภาพ และสามารถนำกลับมาใช้ได้หลายครั้ง โดยไม่ต้องใช้น้ำยาเคมี เพราะเก็บไว้ในไฟล์ในระบบดิจิตอล และในคอมพิวเตอร์หรือเครื่องบันทึกอื่นๆในระบบดิจิตอลที่สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ภาพคนโฟกัสที่ใบหน้าหรือดวงตา อีกสิ่งหนึ่งที่ปฏิวัติการถ่ายภาพอย่างสิ้นเชิงเลยก็คือระบบโฟกัส ในลักษณะของกล้องฟิล์มนั้นระบบโฟกัส ก่อนที่จะมีระบบไฟฟ้าเข้ามาใช้ในตัวกล้องการโฟกัสจะหมุนจากเลนส์ด้วยมือเป็นหลัก ทำให้ในบางครั้งการถ่ายภาพ เกิดปัญหาเรื่องความชัดเจน ทำให้ภาพที่ออกมานั้นมีความไม่คมชัด ในบางกรณีหรือที่ยิ่งไปกว่านั้น โดยเฉพาะกล้องสมัยช่วงแรก ๆ การหมุนเลนส์โฟกัสยังไม่เกิดขึ้น จะต้องแบกกล้องทั้งตัวเลื่อนเข้าเลื่อนออก เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดที่สุด แต่เมื่อมีระบบไฟฟ้าเข้ามาในตัวกล้องระบบโฟกัสได้ถูกเปลี่ยนไป ซึ่งการโฟกัสของกล้องดิจิตอลนั้นจะหาระยะความคมชัดด้วยตัวเองได้แต่ทั้งนี้ระบบโฟกัสด้วยมือหรือ Manual Focus ก็ยังมีใช้อยู่ ภาพสัตว์โฟกัสที่ใบหน้าหรือดวงตา ระบบการโฟกัสเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าหากเราต้องการให้ส่วนไหนของวัตถุให้ปรากฏได้อย่างคมชัดจะต้องวางช่องโฟกัสเล็ก ๆ หรือสี่เหลี่ยมโฟกัสวางไว้ที่ตำแหน่งของวัตถุที่ต้องการ อย่างการถ่ายภาพดอกไม้ก็ควรจะวางจุดโฟกัสไว้ที่เกสรดอก การถ่ายภาพคนหรือสัตว์การโฟกัสตามทฤษฎี และทางปฏิบัติโดยมากแล้วจะต้องโฟกัสที่ดวงตา แต่ในกรณีของวัตถุอื่น ๆ แล้วการโฟกัสนั้นจะต้องวางจุดโฟกัสในส่วนที่เป็นจุดเด่นของวัตถุ ภาพทิวทัศน์ระยะอนันต์จะชัดทั้งภาพ ในกรณีที่ต้องการถ่ายภาพเกิดการเคลื่อนไหวในระบบกล้องดิจิตอลจะมีรูปแบบโฟกัสหนึ่งที่เรียกว่าโหมด C หรือโหมด Continuo เป็นโหมดที่ใช้ถ่ายภาพวัตถุที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา หรือมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง การตั้งค่ากล้องเมื่อเลือกจุดโฟกัสหรือกำหนดการโฟกัสไปที่ Continuo แล้ว จุดโฟกัสในกล้องดิจิตอลจะค้นหาหรือติดตามวัตถุที่เคลื่อนไหวด้วยตัวเอง แต่ผู้ถ่ายภาพจะต้องปรับสปีดชัตเตอร์ให้สูงขึ้นเพื่อจะหยุดความเคลื่อนไหวเพื่อทำให้ภาพมันชัดเจน ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงพื้นฐานของการถ่ายภาพเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงในการถ่ายภาพยังมีโหมดของโฟกัสอีกมาก โดยเฉพาะพื้นที่ของจุดโฟกัสด้วยเหตุนี้ เมื่อซื้อกล้องมาใหม่คู่มือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เราจะต้องอ่าน และศึกษาเพื่อทำความเข้าใจเพราะในกล้อง แต่ละรุ่น แต่ละตัว มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันการศึกษา และการอ่านคู่มือจะช่วยให้เข้าใจระบบการทำงานของกล้องที่เราซื้อมาได้ และที่สำคัญการเรียนรู้การถ่ายภาพจากคู่มือจะทำให้ เราปฏิบัติงานจริงได้ดีขึ้นและรวดเร็วขึ้น ภาพถ่ายโดย พงศธร อิ่มอุดม ผู้เขียนบทความ