"ต้มแซ่บกระดูกเล้ง" ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารยอดฮิตในตอนนี้ ซึ่งมีหลายร้านที่เปิดขายต้มแซ่บเล้ง กระดูกเล้งเป็นกระดูกของหมู ที่ทางร้านจะเลาะเนื้อออกและนำไปขาย ส่วนกระดูกที่เหลือไว้ก็จะมีเนื้อหมูเหลือติดอยู่ สมัยก่อนที่เหลืออาจจะทิ้ง แต่สมัยนี้แม้แต่กระดูกเล้งก็สามารถนำมาขายได้ ราคาก็ไม่สูงมากนัก กิโลกรัมนึงประมาณ 50-60 บาท ซึ่งกระดูกเล้งถ้านำไปต้มน้ำซุป จะได้น้ำซุปที่หอมหวาน รสชาติอร่อยกลมกล่อมมาก วันนี้ผมเลยจะมาสอนทำเมนู ต้มแซ่บกระดูกเล้ง ไปดูกันเลยครับว่าวัตถุดิบมีอะไรบ้าง วัตถุดิบ กระดูกเล้ง 2 กิโลกรัม แครอท 2 หัว ผักชีฝรั่ง 10 บาท (ซื้อตามตลาดนัดจะได้ประมาณ 2 กำ) รากผักชีทุบ 2-3 ราก คนอร์รสหมู 3 ก้อน ผงปรุงรสรสหมู 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูสวน ตามชอบ น้ำมะนาว 1 ลูก น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด 3-4 ลิตร วิธีการทำ นำกระดูกเล้งไปล้างให้สะอาด และนำมาพักไว้ จากนั้นนำแครอท และผักชีฝรั่งมาล้างให้สะอาดเช่นกัน หั่นแครอทเป็นแว่น ๆ และซอยผักชีฝรั่งรอไว้ จากนั้นทุบพริกขี้หนูสวนพอหยาบ ๆ ใส่ถ้วยเตรียมไว้ เตรียมวัตถุดิบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ตั้งหม้อใส่น้ำสะอาดที่เตรียมไว้ ใส่คนอร์รสหมู และรากผักชีที่ทุบแล้วลงไป จากนั้นรอให้น้ำเดือด พอน้ำเริ่มเดือดให้นำกระดูกเล้งที่ล้างสะอาดแล้วใส่ลงไป และใส่แครอทที่หั่นไว้ลงไป นำน้ำตาลปี๊บ และผงปรุงรสรสหมู ใส่ตามลงไป จากนั้นปิดฝาหม้อต้มจนหมูสุก พอหมูเริ่มสุก ให้เราเปิดดู และคอยช้อนฟองที่ลอยขึ้นมาออก ที่ต้องช้อนฟองออกเพราะจะช่วยทำให้น้ำซุปที่ได้ใสขึ้น ช้อนฟองรอบแรกออกแล้วให้ปิดฝาหม้อไว้เหมือนเดิม จากนั้นรออีกประมาณ 5-10 นาที ก็เปิดหม้อดู และช้อนฟองออกอีก ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ 3-4 รอบ จะได้น้ำซุปที่ใสมากยิ่งขึ้น จากนั้นต้มกระดูกเล้งต่อ โดยใช้ไฟกลาง ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ชิมดูน้ำซุปให้รสชาติหวานนำ ถ้าพอแล้วปิดไฟได้เลย จากนั้นตักกระดูกเล้งที่ต้มจนเปื่อยแล้วใส่ชามรอไว้และตักน้ำซุปใส่ชามผสม จากนั้นนำผักชีฝรั่งใส่ลงไป ใส่พริกขี้หนูสวน น้ำปลา และน้ำมะนาวลงในชามผสม คนให้เข้ากัน และนำมาเทราดลงบนกระดูกเล้งที่เราเตรียมใส่ชามไว้ เท่านี้ต้มแซ่บกระดูกเล้ง ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วครับ ทำง่าย วัตถุดิบน้อย แต่ต้องใช้เวลาในการทำนิดหน่อย สำหรับใครที่อยากลองทำ ต้มแซ่บกระดูกเล้งทานเองที่บ้าน ก็สามารถนำสูตรที่ผมเขียนไปลองทำทานกันได้เลยครับ รับรองว่าอร่อยแน่นอนครับ (เครดิตภาพ : ภาพนี้เป็นภาพที่ผู้เขียนถ่ายเองไม่ได้อ้างอิงมาจากผู้ใด)