“ต้นอ่อน” อาหารยอดนิยม ของคนรักสุขภาพ“ต้นอ่อน” อีกหนึ่งอาหารยอดนิยมโดยเฉพาะในกลุ่มคนรักสุขภาพ เพราะอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ รวมถึงสารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพ เช่น สารแอนติออกซิแดนต์และสารพฤกษเคมี (Phytochemical) หลายชนิด นอกจากนี้ต้นอ่อนยังเป็นพืชอาหารที่ย่อยง่าย จึงช่วยลดภาระการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารมาใช้ได้อย่างเต็มที่และรวดเร็ว...มาดูกันว่ามีต้นอ่อนชนิดไหนที่ได้รับความนิยมกันบ้างต้นอ่อนข้าวสาลี (Wheatgrass) เป็นแหล่งของวิตามินเอ ซี อี ธาตุเหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม และกรดอะมิโน มีสรรพคุณเพิ่มเลือดในร่างกาย ซึ่งข้อมูลงานวิจัยจาก Journal of Clinical Oncology พบว่า การดื่มน้ำคั้นต้นอ่อนข้าวสาลีวันละ 30 – 100 มิลลิลิตร หรือกินสารสกัดจากต้นอ่อนข้าวสาลีวันละ 1,000 มิลลิกรัม ติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน สามารถเพิ่มปริมาณฮีโมโกลบินที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดงได้ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาโรคในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยโดยวารสาร Scandinavian Journal of Gastroenterology ต้นอ่อนอัลฟัลฟา (Alfalfa)เป็นแหล่งของไฟโตเอสโทรเจน (Phytoestrogen) ไฟโตสเตอรอล (Phytosterol) วิตามินเอ บี ซี อี และโฟแทสเซียม โดยการศึกษาทั้งในคนและสัตว์ทดลองแสดงให้เห็นว่า อาหารที่มีสารไฟโตเอสโทรเจนสูงช่วยป้องกันโรคและอาการต่างๆ ที่พบมากในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนจากธรรมชาตินี้จะช่วยป้องกันคุณผู้หญิงในวัย 45 ปีขึ้นไปจากโรคกระดูกพรุน โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และอาการจากภาวะวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบ ชาปลายมือปลายเท้า เหงื่อออกง่าย อารมณ์แปรปรวน นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลอีกด้วย ต้นอ่อนทานตะวันในต้นอ่อนทานตะวันมีกรดไขมันจำเป็น ใยอาหาร และไฟโตสเตอรอล จากข้อมูลที่ตีพิมพ์ใน Journal of Agricultural and Food Chemistry พบสารไซนาริน (Cynarin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยชะลอวัย ในต้นอ่อนทานตะวันไม่เพียงมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระเท่านั้น แต่ยังช่วยต้านการเกิดปฏิกิริยาไกลเคชัน (Glycation) สาเหตุหนึ่งของผิวแก่ก่อนวัย และลดโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวาน เช่น ความผิดปกติของไต และความผิดปกติของเส้นประสาท ซึ่งปฏิกิริยาไกลเคชันจะสร้างสารวายร้ายที่มีชื่อว่า เอจีอี (AGEs) หรือแอดวานซ์ ไกลเคชัน เอนด์ – โปรดักต์ส (Advanced Glycation End – Products) ขึ้นมาภายในร่างกาย หากสารตัวนี้ถูกดูดซึมผ่านเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ของร่างกาย จะส่งผลให้เซลล์บริเวณนั้นตายหรือเสื่อมสมรรถภาพในที่สุด โต้วเหมี่ยว หรือต้นอ่อนถั่วลันเตา (Pea Sprouts) อุดมไปด้วยวิตามินซี เอ และกรดโฟลิก โดยข้อมูลจาก Standard Tables of Food Composition in Japan 4th Edition แสดงให้เห็นว่า โต้วเหมี่ยว 2 ถ้วย มีปริมาณวิตามินซีมากถึง 36% วิตามินเอ 15% และกรดโฟลิก 11% ของความต้องการใน 1 วัน ซึ่งการกินโต้วเหมี่ยวเป็นประจำช่วยให้ปลอดโรค ยืนยันข้อมูลโดยมหาวิทยาลัยรัฐวอชิงตัน ซึ่งระบุว่าโต้วเหมี่ยวมีแคโรทีน และสารแอนติออกซิแดนต์สูง ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ชะลอความเสื่อม และช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคมะเร็งต้นอ่อนบร็อกโคลี (Broccoli Sprouts) มหาวิทยาลัยซัสแคตเชวัน ประเทศแคนาดา ให้ความสนใจต้นอ่อนบร็อกโคลีเนื่องจากมีกลูโคราฟานิน (Glucoraphanin) สูง ซึ่งได้ศึกษาคุณสมบัติทางยากับหนูทดลองที่เสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคเส้นเลือดในสมองตีบ พบว่า กลไกการป้องกันอนุมูลอิสระในร่างกายของหนูทดลองมีประสิทธิภาพดีขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่า ความดันโลหิตลดลง การอักเสบบริเวณหัวใจและไตลดลง ช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ขอบคุณภาพจากภาพปก : ภาพโดย devmaryna จาก freepikภาพที่1 : ภาพโดย jannoon028 จาก freepikภาพที่2 : ภาพโดย mrsiraphol จาก freepikภาพที่3 : ภาพโดย devmaryna จาก freepikภาพที่4 : ภาพโดย prostooleh จาก freepik