ตั้งแต่เล็กจนโต ทุกคนรอบตัวต่างบอกว่าการเดินทางคือการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ไม่มีใครบอกในหนังสือ ไม่สามารถศึกษาจากตัวอักษรได้ ดิฉันไม่เคยคิดเชื่อจนกระทั่งได้มาเยือนประเทศญี่ปุ่นในปลายเดือนตุลาคมย่างเข้าพฤศจิกายนในวสันตฤดู จากที่เคยคิดว่าเราต่าง รับรู้โลกอีกบานที่สวยงามผ่านภาพถ่าย ถ้อยคำเรียงความและในโลกอินเทอร์เน็ตที่มีการแชร์ภาพ จนกระทั่งได้มาเยี่ยมเยือนแดนอาทิตย์อุทัยในปลายเดือนตุลาคมย่างเข้าพฤศจิกายน จึงได้เปลี่ยนความคิดนั้นไปอย่างถ่องแท้ สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์จำพวกอื่น คือ เราสามารถรักษาสิ่งที่บรรพบุรุษให้ไว้คงอยู่ได้สืบนาน ถึงแม้จะเจริญด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ชาวญี่ปุ่นก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมเดิมของตนเองไว้ได้อย่างน่าชื่นชม มีการสวมชุดยูกาตะ สวมชุดกิโมโนในเทศกาลสำคัญต่าง ๆ ปราสาท พระราชวัง บ้านโบราณในแต่ละยุค ยังคงถูกบูรณะรักษาไว้ให้ชนชาวรุ่นหลังและชาวต่างชาติได้ประจักษ์อยู่เสมอ จากภาพ คือ วัดอาซากุสะ สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระโพธิสัตว์คันนง ในอดีต ชาวบ้านและซามูไรมักเดินทางมาขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมเป็นประจำ และสิ่งที่ขอพรไปนั้นก็สมปรารถนาอยู่เสมอ คนทั่วทุกสารทิศจึงเดินทางมายังวัดอาซากุสะเพื่อสักการะเจ้าแม่กวนอิม ในปีค.ศ.1945 อาคารส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลก ก่อนถูกบูรณะหลังจากสงครามจบ วัดอาซากุสะจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่และความสงบสุขของชาวญี่ปุ่น มหานครโตเกียวถึงแม้จะมีตึกสูงระฟ้ามากมาย แต่ก็ยังมีความสมดุลระหว่างธรรมชาติและความเจริญก้าวหน้าที่ถูกสร้างโดยมนุษย์ พื้นที่จับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวต้นไม้ที่เจริญงอกงามแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ผู้คนมากมาย มันไม่ได้ลดน้อยลงตามกาลเวลาที่ถูกเทคโนโลยีกลืนกิน สวนสาธารณะก็ยังคงเป็นสวนสาธารณะ สถานที่ที่ชาวญี่ปุ่นมักใช้มันเป็นศูนย์กลางในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ พาลูกหลานออกมาเดินเล่น พูดคุยและทักทายเพื่อนในวัยเดียวกัน ในกรุงโตเกียวหรือนอกกรุงโตเกียวออกไป ผู้คนมักจะเดินข้ามถนนโดยมีไฟสีเขียว-แดงเป็นการบอกสัญญาณ สองวันแรกที่ไป ดิฉันวิ่งข้ามทางม้าลายจนหอบเหมือนคนไม่เคยได้วิ่งมาก่อน ก่อนจะผ่อนปรนฝีเท้าในช่วงหลัง เพราะรู้ว่าต่อให้เดินช้ายังไง ถ้าสัญญาณไฟไม่ขึ้นสีเขียว ก็จะไม่มีการบีบแตรไล่หรือขับผ่านโดยไม่หยุดที่ทางม้าลาย และรถที่จอดอยู่จะไม่มีทางวิ่งพุ่งเข้ามาชนเด็ดขาด สองทางเท้าข้างถนนที่วันหนึ่งถูกผู้คนเหยียบย่ำ ไม่มีแม้กระทั่งถุงขนมตกอยู่สักชิ้น มันถูกแบ่งช่องทางการเดินเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจนเพื่อสะดวกในการเดิน รวมไปถึงคนแก่ที่ต้องนั่งวีลแชร์ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือไม่มีแม้กระทั่งถังขยะสามสีตามทางเท้า ทุกคนเก็บมันไว้กับตัว ไม่ปล่อยให้ซากต้องกลายมาเป็นขยะสังคม และกำจัดมันด้วยการโยนทิ้งในถังขยะที่บ้าน หน้าร้านค้าสะดวกซื้อ หรือภายในอาคาร ระเบียบวินัยที่ปลูกฝังกันมาจากรุ่นสืบรุ่น ปรากฏแก่สายตาชาวต่างชาติอย่างดิฉันจนอดนำมาเขียนชื่นชมไม่ได้ ดิฉันได้มีโอกาสมาเที่ยวTokyo Sky Tree หรือ Tokyo Tower แห่งใหม่ สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่นที่ความสูง634 เมตร พี่แอ๋ม(ไกด์) เล่าว่าคนญี่ปุ่นมักเรียกว่ามุซาชิ มุ แปลว่า 6 ซามาจากซัง ที่แปลว่า 3 ส่วนคำว่าชิ แปลว่า 4 พี่แอ๋มเล่าให้ฟังว่าโตเกียวทาวเวอร์มีความสูงไม่พอที่จะส่งสัญญาณคลื่นโทรศัพท์แบบดิจิตอลให้ครอบคลุม จึงมีโครงการก่อสร้างโตเกียวสกายทรีขึ้น หลังจากที่มีโตเกียวสกายทรี วิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นก็สะดวกสบายมากขึ้น เช่น มีการใช้เซนเซอร์แทนการเปิด-ปิดไฟ ซึ่งข้อนี้ดิฉันค่อนข้างเห็นดีเห็นงามเมื่อได้ทดลองด้วยตนเองขณะเดินไปเดินมาระหว่างห้องพักของตนเองและห้องเพื่อน โดยจะมีระบบเซนเซอร์อยู่เหนือศีรษะของเรา หากเดินไปบริเวณไหน ไฟในบริเวณนั้นก็จะเปิดโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้คนเปิด-ปิดให้เปลืองเวลา อีกหนึ่งอย่างที่ประทับใจมากที่สุดก็คือห้องน้ำที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะชักโครก ค่อนข้างฟินเป็นพิเศษ ไม่ใช่โถส้วมแบบนั่งยอง ๆ หรือโถส้วมแบบนั่งธรรมดาเหมือนอย่างบ้านเรา เป็นชักโครกแบบนั่ง แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือเราไม่ต้องใช้สายยางมาฉีดให้เปียกเลอะเทอะ หากถ่ายหนักถ่ายเบาเสร็จเรียบร้อย จะมีปุ่มอยู่ข้าง ๆ ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นหรือเป่าของสงวนให้แห้งโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็กดปุ่ม flux เป็นอันเสร็จเรียบร้อย บางที่ก็จะมีระบบเซนเซอร์ เมื่อเราลุกจากชักโครกก็จะ flux โดยอัตโนมัติ ในสนามบินฮาเนดะ มีที่นั่งให้เด็กนั่งในห้องน้ำ คุณแม่จะได้พาลูกเข้าห้องน้ำด้วย ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง บางที่ก็มีเซนเซอร์ด้วยการใช้มือจ่อปุ่มสแกนที่อยู่ใกล้กับทิชชู่ จะได้ไม่ต้องสัมผัสกับปุ่มกดชักโครก เพิ่มอัตราการเกิดเชื้อโรคมากขึ้น เพราะไม่เคยใช้มาก่อน ดิฉันจึงจัดเล่นไปทุกปุ่มเป็นที่สนุกสนาน วันไหนอากาศหนาว ชักโครกก็จะปรับให้อุ่น นั่งเล่นเพลินจนเพื่อนโวยวายกันไป ลืมบอกไปว่าที่ญี่ปุ่น เราสามารถทิ้งทิชชู่ลงในชักโครกได้เลย โดยไม่ต้องกลัวว่าจะผิดกฎหมายหรือทำให้ท่อตัน ดิฉันลองสังเกตดู ถึงได้รู้ว่ากระดาษทิชชู่ของญี่ปุ่นบางมากและมีเส้นใยสั้น จึงเปื่อยยุ่ยเป็นชิ้นเล็ก ๆ ได้ง่าย ถังขยะในห้องน้ำก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก ไว้สำหรับเปลี่ยนถ่ายผ้าอนามัยสำหรับหญิงสาวที่มีช่วงวันนั้นของเดือน เวลาช่างแสนสั้น ผ่านไปอีกไม่กี่คืนก็ต้องโบกมือลาประเทศในฝัน กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด ทำหน้าที่ของเราให้ดี จำได้ว่าวันสุดท้าย ดิฉันกวาดตามองทั่วมหานครโตเกียว พยายามจดจำภาพที่เห็นไว้ในความทรงจำให้นานที่สุด ภาพถ่ายล้วนเลือนหายไปตามกาลเวลา ไม่นานก็กลายเป็นกระดาษใบหนึ่งที่เปื่อยยุ่ยย่อยสลาย สิ่งที่ยังชัดเจนและคงอยู่ในความทรงจำ คือ ภาพความทรงจำอันงดงามที่บันทึกไว้ด้วยสองตาของเรา ประสบการณ์มากมายที่ได้เรียนรู้ ความประทับใจที่มี มันอัดแน่นฝังลึกอยู่ในอก ไม่อาจบรรยายกลั่นกรองผ่านความคิดออกมาเป็นตัวหนังสือได้ การเดินทางในครั้งนี้ ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ว่าอย่ากลัวที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง เราเก่งและแกร่งพอที่จะทำทุก ๆ อย่างด้วยตัวเองได้ จงเชื่อมั่นในสัญชาตญาณเข้าไว้ และหากมีโอกาส ดิฉันสัญญาว่าจะต้องกลับมาอีกครั้ง จุดก่อกำเนิดของบางสิ่ง ครั้งแรกในหลายอย่างๆ ของดิฉัน เกิดขึ้นในประเทศแห่งนี้.....ดินแดนอาทิตย์อุทัย