ส่วนหนึ่งคงเพราะเป็นอ้วนและอายุมากกระมัง ที่ทำให้ก่อนหน้านี้มีอาการปวดที่ฝ่าเท้าจนเดินไม่ได้ ต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงเวลาจะเดินเหิน ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวันให้เป็นปกติได้ จำได้ว่า ครั้งหนึ่งที่วางแผนไปเที่ยวเมืองญี่ปุ่น 14 วัน แล้วจู่ ๆ อาการปวดใต้ฝ่าเท้ากำเริบ ทำให้ไม่สามารถไปไหนได้ต้องนอนพักเล่นอยู่แต่ในห้องพักเฉย ๆ 5 วัน ถือว่า เป็นการตีตั๋วบินมาพักในโรงแรมไม่ได้เที่ยวดังที่ตั้งใจ และเมื่อพอเดินไหวก็ไม่สามารถเที่ยวได้ดั่งใจด้วย เสียดายมาก มาทราบภายหลังว่า เค้าเรียกอาการแบบนี้ว่า รองช้ำ เลยยิ่งต้องศึกษาและดูแลรักษาตนเองนั่นเอง แต่ข้อดีอาการแบบนี้ก็มีนะ ดีตรงที่เวลาไปไหนไม่ว่าจะใกล้หรือไกลเพียงใด จะมีภรรยาและบุตรเป็นสารถีขับรถให้เสมอนั่นเอง โรครองช้ำ หรือ โรคพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบ จะพบมากกับคนที่อายุเลยหลักสี่ไปแล้ว โดยเฉพาะกับคนที่มีน้ำหนักมาก แต่ก็เคยทราบจากคุณหมอบ้างว่า มีเหมือนกันกับคนที่อายุน้อย แต่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น คนขายของในห้างที่ต้องยืนบนรองเท้าส้นสูงแล้วต้องเดินเหินตลอดเวลา คนกลุ่มนี้เสี่ยงมาก คุณหมอเล่าว่า คนกลุ่มนี้หากยืนนาน ๆ ที่เค้าน์เตอร์จะเสี่ยงต่อการเป็นเส้นเลือดขอด แต่หากต้องเดินมาก ๆ จะเสี่ยงเป็นโรครองช้ำ อีกกลุ่ม คือ กลุ่มรักการวิ่งแล้วรองเท้าที่ใส่ไม่รับแรงกระแทกได้ดี หรือชอบวิ่งบนพื้นที่แข็งและไม่เรียบก็มีโอกาสเป็นอย่างมาก และสาเหตุของผู้เขียนเองนั้นมาจากการที่ชอบขับรถโดยใช้เท้าเปล่ามาตลอดนั่นเอง ยิ่งกลับรถขนส่งที่ไม่ใช่ระบบเกียร์อัตโนมัติและพวงมาลัยพาวเวอร์ด้วยแล้ว ถือว่าเสี่ยงมากอาการของโรครองช้ำคนที่เป็นโรครองช้ำ จะมีอาการปวดใต้ฝ่าเท้า อาจจะปวดตั้งแต่ส้นเท้าจนถึงปลายนิ้วเท้าเลย และมีบ้างที่ผู้เขียนเองปวดขึ้นมาจนถึงส้นแล้วลามจากน่องจนถึงเข่า และเมื่อปวดมากแล้วฝืนเดินต่อด้วยภารกิจและวิถีชีวิตประจำวันที่ยังไม่อาจพักได้ การสูญเสียความสามารถในการเดินเหินของเท้าข้างหนึ่งนั้น ทำให้การเดินเกิดผิดรูป จะส่งผลให้เท้าอีกข้างหนึ่งปวดขึ้นตามมา แม้จะมีไม้เท้าช่วงพยุงก็ตามการปวดที่ใต้ฝ่าเท้านั้น จะปวดมากในช่วงตื่นนอน แล้วลุกขึ้นมายืนในก้าวแรก ๆ จะปวดแป๊บ ๆ ขึ้นมาทันที ช่วงสายจะดีขึ้น กลางวันจะดูผ่อนคลายลงบ้าง และจะมาปวดอีกครั้งช่วงเลิกงานกลับบ้านตอนเย็นจนถึงค่ำ จำได้ว่า คุณหมอบอกถึงสาเหตุเพราะ ตอนที่นอนนั้นกล้ามเนื้อจะหดจากเกร็งที่ใช้งานมาทั้งวัน แล้วเมื่อตื่นแล้วเหยียบก้าวแรก จะเป็นการเปลี่ยนแปลงการหดตัวของพังผืดใต้ผ่าเท้าทำให้เจ็บมา แล้วจะค่อย ๆ คลาย แล้วมารับรู้ว่าปวดอีกครั้งตอนค่ำจากการใช้งานมาทั้งวันนั่นเองการรักษาโรครองช้ำด้วยตนเองอาการปวดของโรครองช้ำนั่น หากสาหัสมากแนะนำให้หาหมอก่อนจะเป็นการดีที่สุด และหาไม่สะดวกนั้นให้เริ่มจากการทานยาแก้อักเสบและลดบวมแล้วนอนในที่นุ่มยกขาสูงพักผ่อนเป็นการดี และหากยังพอเดินไหวนั้น จะพอสามารถรักษาตนเองด้วยการบริหารพังผืดใต้ผ่าเท้า โดยควรเริ่มจากการยืดเส้นใต้ผ่าเท้า ด้วยการใช้มือข้างหนึ่งรั้งหัวนิ้วโป้งเท้าดักกลับเข้าหาร่างกายแล้วใช้มืออีกข้างค่อย ๆ นวดคลึงหมุนเป็นวงกลมที่ผ่าเท้าจากส้นเท้าจนถึงปลายเท้า ให้พังผืดที่ใต้ฝ่าเท้าได้ออกกำลัง จากนั้นใช้การประคบเย็นคลึงให้ทั่วเช่นกัน และที่คุณหมอแน่นนำคือการกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ที่ปล่อยคลื่นเข้าไปกระแทกพังผืดและเส้นเอ็นใต้ผิวหนังให้คายตัวได้ดีมาก ผู้เขียนเองซื้อหาเครื่องบำบัดด้วยกระแสไฟฟ้าเข้าผิวหนังนี้จากระบบออนไลน์ด้วยงบประมาณไม่เกินสามร้อยบาท ใช้งานได้สะดวกดีและไม่เป็นอันตรายการดูแลสุขภาพของคนที่เป็นโรครองช้ำอาการของโรครองช้ำนั้น หากไม่รักษาจะเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ จะเป็นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ และเมื่อมีอาการจะใช้เวลาอาการปวดบวมเดินเหินลำบาก ประมาณ 3 – 5 วันต่อเนื่อง ดังนั้นความใส่ใจต่อการบริหารพังผืดใต้ฝ่าเท้าสม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญ และสามารถทำได้ด้วยการนวดคลึงเบา ๆ ให้ทั่ว ใช้บาล์มหรือน้ำมันมวยนวดให้ทั่ว และการดัดยืดเส้นบริเวณปลายเท้าและพังผืดใต้เท้าจะช่วยได้ดีมาก และท่าบริหารที่คุณหมอแนะนำมาและอยากบอกต่อคือ การใช้ผ้าผืนยาวสักผ้าขาวมามารัดอ้อมที่ฝ่าเท้าแล้วใช้มือทั้งสองดึงเป็นจังหวะ ทั้งจากส้นเท้า กลางเท้า จนถึงปลายนิ้วเท้า ซึ่งท่าบำบัดฟื้นฟูแบบนี้ได้ผลดีนักการใช้ชีวิตประจำวันของคนที่เป็นโรครองช้ำ โรครองช้ำนั้น จะเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ ทางที่ดีคือการกันไว้ก่อน สำคัญคือ ห้ามเดินด้วยเท้าเปล่าเด็ดขาด อย่างผู้เขียนเองอยู่บ้านสองชั้น จะหารองเท้าที่มีพื้นนุ่ม ๆ มาใส่เดินเหินในชีวิตประจำวันตลอดเวลา ยิ่งต้องออกไปทำงานที่ออฟฟิศด้วยแล้ว ที่ทำงานเองก็ต้องมีรองเท้าเผื่อไว้ผลัดเปลี่ยนด้วยเช่นกัน อย่างตอนอยู่บ้านนั้น มีรองเท้าใช้งาน 3 คู่ โดยคู่แรกไว้ใส่เวลาออกนอกบ้านไปไหนมาไหน เมื่อจะเข้าบ้านจะต้องถอดออก แล้วยิ่งในภาวะวิกฤตโควิค-19 นี้ด้วยแล้ว การถอดล้างให้แล้วเสร็จตั้งแต่นอกบ้านนั้นสำคัญมาก ส่วนคู่ที่สองนั้นจะไว้ใช้ใส่อยู่ภายในบ้านชั้นล่าง และคู่สุดท้ายจะไว้ใส่ขึ้นชั้นบนของบ้าน เข้าห้องนอน วางไว้ข้างเตียงนอนยามตื่น และที่จะขาดไม่ได้คือ ไม้เท้าช่วยพยุงเดินที่จะต้องอยู่ในที่ที่สามารถหยิบหาได้สะดวกด้วยเช่นกัน ผลของการดูแลรักษาโรครองช้ำในแนวทางนี้พบว่า ทำให้อาการที่เคยเรื้อรังมาแต่สมัยหนุ่มนั้นดีขึ้นมาก การกลับมาของอาการปวดมากไม่เคยเกิดกลับมาอีกเลย แม้ว่าตอนนี้จะเดินเหินได้สะดวกและดีเกือบเป็นปกติแล้ว แต่ผู้เขียนเองก็ไม่ประมาท ยังคงที่จะใส่ใจที่จะดูแลและบริหารเส้นเอ็นและพังผืดใต้ผ่าเท้าอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตเป็นปกติสุขเฉกเช่นคนที่รักและดูแลสุขภาพพึงใส่ใจนั่นเอง