ขอบคุณรูปภาพปกจากhttps://bit.ly/2P08qIeภาษานั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถใช้สื่อสารกันระหว่างผู้คน และในโลกไร้พรมแดนอย่างปัจจุบัน การฝึกใช้ภาษาต่างชาติจึงยิ่งทวีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ แต่คนไทยในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะเหล่าวัยรุ่นนั้นกลับไม่ได้มีทักษะทางภาษาที่ดีมากเท่าที่ควร ทั้งที่การฝึกภาษานั้นสามารถทำได้ง่าย แม้แต่กิจกรรมใกล้ตัวเราอย่างการดูหนัง ก็สามารถช่วยให้เราเก่งภาษาได้มากขึ้นแล้ว วันนี้ไรต์จะมาแนะนำเทคนิคการเรียนภาษาจากการดูหนังให้กับทุกคนกันค่ะขอบคุณรูปภาพจากhttps://bit.ly/39LFJ9T เริ่มจากดูการ์ตูนขอบคุณรูปภาพจากhttps://bit.ly/2P39lrk การ์ตูนส่วนใหญ่นั้นสร้างขึ้นมาสำหรับผู้ชมวัยเด็ก ดังนั้นภาษาที่ใช้จึงเป็นภาษาที่สามารถทำความเข้าใจได้ง่าย แต่ยังคงถูกหลักไวยากรณ์ อีกทั้งคำศัพท์ และสำนวนที่ปรากฎก็ไม่ได้ยากแก่การทำความเข้าใจสักเท่าไหร่นัก สำเนียงของผู้พากย์เองก็สามารถฟังได้ชัดเจน มีการออกเสียงอักขระ และสะกดคำที่ถูกต้อง ไม่พูดเร็ว หรือรัวจนเกินไปแบบในหนัง ทำให้ผู้ชมสามารถฟังได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกภาษาเพื่อให้เราคุ้นชินกับภาษานั้น ๆ ด้วยเรื่องง่าย ๆ ก่อน แล้วค่อยพัฒนาความยากขึ้นทีหลัง อย่าไปอายว่าเราต้องมาเริ่มจากการดูการ์ตูนสำหรับเด็ก เพราะการฝึกฝนที่ดีต้องเริ่มจากการมีพื้นฐานค่ะ ดูไปด้วย อ่านไปด้วยขอบคุณรูปภาพจากhttps://bit.ly/39GXpDy หนึ่งในวิธีที่จะสามารถฝึกหลักไวยากรณ์ทางภาษาให้ดีนั้นคือการอ่านคำแปลจากในภาพยนตร์ โดยแนะนำเริ่มแรก ให้เปิดฟังเสียงไทยแล้วมีคำแปลของภาษาที่ต้องการฝึกก่อน แล้วจึงเปิดเสียงของเจ้าของภาษา แล้วเปิดคำแปลเป็นภาษาไทยทีหลัง แต่หากคุณยังไม่สามารถอ่านตัวอักษรของภาษาที่ต้องการฝึกได้คล่องเท่าไหร่ แนะนำให้เปิดแค่เสียงเจ้าของภาษาพอ ส่วนคำแปลก็ให้เป็นภาษาไทย แล้วดูซ้ำหลาย ๆ รอบ เพื่อช่วยฝึกในเรื่องของทักษะการฟังแทน ฟังจากเจ้าของภาษาขอบคุณรูปภาพจากhttps://bit.ly/38xwtWs แน่นอนว่าคนที่จะพูดภาษานั้น ๆ ได้ดีที่สุดคือเจ้าของภาษา ดังนั้นการฝึกภาษาให้ถูกต้องควรต้องเรียนรู้จากผู้ที่เป็นเจ้าของภาษา โดยภาพยนตร์หลายเรื่องนั้นมีการนำนักแสดงจากหลายเชื้อชาติมารวมกัน แนะนำให้เลือกโดยดูจากตัวเอกที่มีเชื้อชาติอเมริกัน หรืออังกฤษ เพราะตัวเอกจะมีบทพูดมากที่สุด เวลาฟังให้เลือกฟังสำเนียงของตัวเอกเราจะได้ภาษาที่ถูกต้องไปด้วย หากตัวเอกเป็นคนเชื้อชาติอื่น เช่นชาวเอเชีย หรือคนผิวสี มักจะมีสำเนียงการพูดที่ฟังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นัก แต่หากคุณอยากจะเริ่มจากสำเนียงที่ฟังง่ายกว่าเจ้าของภาษา ก็อาจเลือกฟังสำเนียงจากคนที่มีเชื้อชาติทางเอเชียเหมือนกันแต่มีสำเนียงการพูดที่ค่อนข้างชัดแทนก็ได้ เพราะสำเนียงของคนทางเอเชียด้วยกันจะแกะง่ายกว่า เมื่อฟังเก่งขึ้นแล้วค่อยไปฝึกฟังเสียงของเจ้าของภาษาทีหลัง เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังฝึกภาษาทุกคนนะคะ ลองนำวิธีการของไรต์ไปปรับใช้กันได้นะ^^