สวัสดีจากแดนจิงโจ้ค่ะ 🦘💕 ขอเกริ่นความเป็นมาของตัวเองนิดนึงนะคะ 💁🏻♀️💕 ตัวเราเองมาเรียนมาอยู่ที่เมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลียเป็นเวลา 4 ปีกว่าได้แล้วค่ะ เริ่มจากการมาเรียนภาษาจากตั้งแต่ General English จนถึง Intensive course และมาจบด้วยตรีอีกหนึ่งใบ ด้วยการที่เราเป็นนักเรียนและต้องการที่จะโฟกัสในเรื่องการเรียนเป็นหลัก แต่ก็อยากที่จะแบ่งเบาภาระของทางบ้านด้วยการทำงานพาร์ทไทม์เล็กๆ น้อยๆ งานพาร์ทไทม์ส่วนใหญ่ที่นี่สำหรับนักเรียนต่างชาติจะเป็นพวกร้านอาหาร และส่วนมากจะเป็นงานเย็นตั้งแต่ 5-6 โมงเย็นจนถึงดึกสี่ห้าทุ่มเลยก็มีค่ะ อ่านถึงตรงนี้เราขอออกตัวนิดนึงนะคะว่า จากเรื่องที่เราจะเล่านี้เป็นประสบการณ์จากมุมมองของตัวเราเอง คนอื่นอาจจะมีประสบการณ์ที่ต่างไปจากเรานะคะ เราได้กลับไปไทยมาเมื่อปลายปีที่แล้ว(2019) ✈️ ก่อนที่โควิดจะระบาดและกลับเข้ามาออสตอนประมาณกลางเดือนมกราคมค่ะ ซึ่งโชคดีมากๆ ที่ตอนนั้นยังไม่มีการปิดพรมแดนหรือกักกันการเข้าออกเข้มงวดมากนัก ตอนที่เรากลับมาถึงออส ทุกอย่างยังปกติดีทุกอย่าง ร้านค้า ร้านอาหารยังคงเปิดปกติ ตัวเราเองก็ยังคงไปทำงานตามปกติ ผ่านไปได้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้รัฐบาลเริ่มมีคำสั่งและมาตรการออกมา โรงเรียนคือสิ่งแรกที่ถูกสั่งปิด ผู้คนเริ่มกลัวที่จะออกจากบ้าน เริ่มหวาดระแวงคนที่ใส่ผ้าปิดจมูกโดยเฉพาะคนเอเชียอย่างเรา ส่วนตัวคิดว่าคนที่นี่โดยเฉพาะฝรั่ง เขาไม่คิดว่าการปิดจมูกเป็นสิ่งที่จำเป็นค่ะ และคนที่ปิดจมูกคือคนที่ป่วย 😷 เวลาขึ้นรถไฟก็อาจจะมีคนเดินหนีถ้าเราใส่ผ้าปิดจมูก อันนี้เคยโดนมากับตัวค่ะ หรือกับบางคนก็ถึงขั้นโดนต่อว่าหรือทำร้ายร่างกายก็มีเกิดขึ้นหลายเคส ทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยกับการเป็นคนเอเชียที่อาศัยอยู่ในต่างแดนในช่วงเวลาแบบนี้ เพราะต่างคนก็ต่างที่มา ต่างความคิด ต่างวัฒนธรรม คนบางกลุ่มจะเหมารวมว่าพวกเอเชียเป็นพาหะนำโรคมา ทำให้เราต้องระวังตัวเองมากขึ้น ออกจากบ้านไม่บ่อย ออกแค่เวลาจำเป็น เช่น ไปซื้อของใช้จำเป็น, อาหาร หรือไปทำงาน เมื่อเริ่มเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2020 สินค้า ของจำเป็น อาหาร รวมไปถึงทิชชู่ 🧻 เริ่มขาดตลาด คนที่นี่ตื่นตระหนกมากค่ะเพราะตอนนั้นรัฐยังไม่มีนโยบายที่แน่ชัดเกี่ยวกับการ lock down แต่เริ่มมีการให้คนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมถึงคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนกลุ่มนั้นๆ กักตัวเป็นเวลา 14 วัน แต่รัฐไม่ได้มาตามดูนะคะ ก็คือให้กักตัวเอง ซึ่งบางคนก็ทำ บางคนก็ไม่ทำ กรณีนี้น่าจะมีเหมือนกันทุกประเทศนะคะ คนเริ่มทำงานจากที่บ้าน ห้างร้านเริ่มทยอยปิด เนื่องจากคนไม่ค่อยเดินทางเข้าเมืองหรือช้อปปิ้งกันแล้วค่ะ ซึ่งพอถึงช่วงนี้ นักเรียนไทยอย่างเราก็ได้รับผลกระทบค่ะ เนื่องจากคนไม่ออกมา = ไม่มีลูกค้า ทำให้ร้านอาหารตัดชั่วโมงงานเราน้อยลงและท้ายที่สุดคือให้หยุดพักงานไปเลย 😢💸 เพราะบางร้านเองก็ต้องปิดพักเหมือนกันเนื่องจากไม่มีรายได้เข้ามา ทำให้เราต้องหยุดอยู่บ้านมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้วค่ะ เราเชื่อว่ามีเด็กไทยหลายคนที่กำลังลำบากเนื่องจากไม่มีงาน ไม่มีเงิน ตัวเราเองยังโชคดีกว่าหลายๆ คนที่มีครอบครัวคอยซัพพอตและให้ความช่วยเหลืออยู่รวมถึงเงินเก็บที่สะสมไว้ เชื่อว่าทุกคนเคยได้ยินที่เขาพูดว่า "คนไทยไม่ทิ้งกัน" 🇹🇭 มันคือเรื่องจริงนะคะ เมื่อสถาการณ์เริ่มแย่ลง ใน Facebook จะมีเพจคนไทยในออสเตรเลียอยู่หลายเพจเลยค่ะที่มีการรวมตัวกันขึ้นมา ผลัดกันแจกอาหารปรุงสดใหม่ อาหารแห้ง ของใช้จำเป็น ให้กับเด็กนักเรียนไทยที่กำลังเดือดร้อน ไม่ว่าจะเจ้าของร้านค้า ร้านอาหาร คนไทยที่อยู่ที่นี่ คนที่พอจะมี ซึ่งเราเห็นผ่านๆ เราก็ดีใจนะคะ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ 🍲✨ มาพูดถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในออสเตรเลียกันบ้างค่ะ 🇦🇺ในสถานการณ์ปัจจุบันออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 7,150 เคส เสียชีวิต 103 ราย ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อที่อยู่ในการรักษารวมทั้งหมด 32 รายค่ะ แล้วความช่วยเหลือของรัฐล่ะ? เราขอพูดในกรณีของเราซึ่งเป็นนักเรียนต่างชาติอาศัยอยู่ในรัฐวิตอเรียนะคะ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายในเรื่องเชื้อชาติมากๆ เป็นประเทศที่ฮอตฮิตสำหรับนักเรียนต่างชาติ ไม่ว่าจะเอเชีย โดยเฉพาะจีน อินเดีย และทางจากฝั่งตะวันออกกลาง ด้วยจำนวนของต่างชาติที่มหาศาลทำให้รัฐไม่สามารถช่วยเหลือและเยียวยาได้ทุกคน เพราะลำพังประชากรของประเทศตัวเองที่ตกงานกันเป็นหมื่นๆ คน รัฐก็แย่แล้วค่ะ 😥 ในกรณีของเรา โชคดีที่เราทำงานกับร้านที่ทำถูกต้องตามกฎหมาย คือนายจ้างจะต้องจ่ายเงิน superannuation 💰 หรือที่คนไทยที่นี่เรียกกันสั้นๆ ว่า เงิน super ก็คือเงินที่เราจะได้เมื่อตอนเราเกษียรหรือออกจากออส เดินทางกลับประเทศเราถาวร แต่รัฐได้ออกนโยบายมาให้เป็นกรณีพิเศษคือให้เราเบิกเงินตรงนี้ออกมาใช้ได้ก่อนในช่วงเวลาฉุกเฉินคือช่วงโควิดนี้ เงินตรงนี้ก็คงเป็นเหมือนเงินประกันสังคมที่ไทยนะคะ ซึ่งมันก็ช่วยเราได้มากจริงๆ หลังจากทำเรื่องขอเบิกเงินจรงนี้ ก็ได้รับเงินโอนเข้าบัญชีภายใน 5 วันทำการตรงเวลาเป๊ะเลยค่ะ 👍 ออสเตรเลียได้ทำการปิดพรมแดนมาตั้งแต่เดือนปลายเดือนมีนาคม คือไม่ให้ประชากรของออสเตรเลียเดินทางออกนอกประเทศ แล้วก็ปิดไม่ให้ต่างชาติเข้าประเทศค่ะ แม้แต่ระหว่างรัฐเองก็มีการปิดชายแดนเหมือนกัน สถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ กฎต่างๆ เริ่มคลายตัวลง คนเริ่มออกข้างนอกมากขึ้น แทบไม่มีการใส่ผ้าปิดจมูกกันแล้วค่ะ ตอนนี้ก็ได้แต่รอเวลาให้ทุกอย่างกลับไปเป็นปกติและมีการค้นพบวัคซีนได้ในเร็ววัน เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะคะ อีกแค่อึดใจเท่านั้น ขอให้ผู้อ่านทุกท่านสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยค่ะ หวังว่าท่านผู้อ่านจะชอบบทความนี้ไม่มากก็น้อย ถ้าอยากจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของชีวิตเด็กไทยในออสเตรเลีย ทำงานร้านไทยเป็นอย่างไร ถูกเอารัดเอาเปรียบไหม ไว้ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะคะ สวัสดีค่ะ 😊🙏🐨💕