ตอนเด็ก ๆ หลาย ๆ คนน่าจะเคยมีอาชีพในฝัน บางคนฝันอยากเป็นหมอ บางคนฝันอยากเป็นพยาบาล บ้างก็อยากเป็นคุณครู ตำรวจ หรือทหาร ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยฝันว่าอยากเป็นหมอ และวันนี้ผมก็ทำได้สำเร็จแล้ว ใช่แล้วครับผมสอบเข้าคณะแพทย์ได้และเรียนจบแล้วในปีนี้ ได้เป็นหมออย่างเต็มตัวแล้วครับ วันนี้ผมจึงอยากมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตของการเรียนหมอว่าแต่ละปีจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางและช่วยในการตัดสินใจเพื่อที่จะเดินตามฝันของน้อง ๆ ต่อไปครับมาเริ่มกันที่ปีแรกของรั้วมหาวิทยาลัยกันครับ ปีแรกเป็นปีที่เรียกได้ว่าสบายที่สุด เป็นปีแห่งการใช้ชีวิต ได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับเพื่อน ๆ ทั้งในคณะและต่างคณะเป็นอย่างมาก วัน ๆ หนึ่งมีแต่กิจกรรมก็ว่าได้ 555 ส่วนเนื้อหาทางวิชาการก็พอมีบ้างแต่ไม่หนักเท่าปีอื่น จะบอกว่าจริง ๆ แล้วคณะแพทย์ ปี 1 ก็เหมือนกับคณะอื่นแหละครับ เป็นปีสุดท้ายของการเรียนหมอที่ได้พักผ่อนและทำกิจกรรมกับเพื่อนมากมายขนาดนี้จากปีหนึ่งสู่ชั้นปีที่สองและสาม หรือเราเรียกกันว่าชั้นพรีคลินิก เป็นช่วงที่เราเริ่มศึกษาวิชาทางการแพทย์อย่างจริงจัง เพื่อเตรียมพร้อมก่อนขึ้นชั้นคลินิก เรียนตั้งแต่การทำงานระดับเซลล์ กลไกต่าง ๆ การทำงานในภาวะปกติของระบบในร่างกาย และความผิดปกติที่สามารถพบเจอได้ รวมถึงแนวทางการรักษา หรือการใช้ยาเบื้องต้น เรียกว่าเรียนกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ถึงขั้นต้มชีทเรียนกินไปเลยก็ได้ 555 นอกจากนี้เราจะเริ่มได้เรียนกับอาจารย์ใหญ่ ได้ผ่าตัด และเรียนรู้กายวิภาคจากอาจารย์ใหญ่ ซึ่งเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก ถามว่ากลัวไหมที่จะได้เรียนกับท่าน ส่วนตัวของผมคิดแค่ว่าท่านเป็นครูที่เสียสละเพื่อที่จะทำให้ผมเรียนหมอได้เข้าใจและเอาไปใช้ได้จริง ดังนั้นความรู้สึกกลัวต่อท่านจึงไม่มี มีแต่ความรู้สึกอยากขอบคุณและความเคารพท่านอาจารย์ใหญ่ทั้งหลายมากกว่าครับ ในส่วนของการเรียนที่ว่าเข้มแล้ว การสอบก็เข้มข้นเช่นกัน และมีบ่อยมากทุก ๆ เดือนเลยก็ว่าได้ และข้อสอบเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นภาษาอังกฤษ แต่ไม่ต้องกังวลเพราะส่วนใหญ่เป็นศัพท์ทางการแพทย์และตัวข้อสอบใช้คำที่ไม่ยาก อ่านง่ายพอสมควร แต่ก็ต้องฝึกภาษากันไว้บ้างนะครับเมื่อเข้าสู่ชั้นคลินิก คือชั้นที่เราจะเอาความรู้ทั้งหมดที่ได้เรียนมาตั้งแต่ปีที่ 1-3 มาประยุกต์ใช้กับการดูแลคนไข้จริง ช่วงนี้คือเราจะเรียนจากการดูแลผู้ป่วยและการทำงานเป็นหลัก ได้ซักประวัติ ตรวจร่างกาย วินิจฉัยโรค ดูแลตั้งแต่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจนสิ้นสุดการรักษา ทำให้เราเข้าใจตัวโรคและการทำงานของแพทย์เป็นอย่างดี นอกจากภารกิจที่ต้องทำประจำแล้ว การเรียนชั้นนี้ยังมีงานต่าง ๆ ให้ทำอีกมาก เช่น 1) การเขียนรายงานผู้ป่วย เป็นการนำเคสผู้ป่วยที่เราได้รับมาดูแล มาเขียนเป็นตัวหนังสือว่าเขาเป็นใคร มาโรงพยาบาลด้วยเรื่องอะไร ซักประวัติและตรวจร่างกายเจออะไรบ้าง แล้วจากทั้งหมดนึกถึงโรคอะไร เพราะเหตุใด แล้วจะรักษาเขาอย่างไร ซึ่งการเขียนรายงานจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เห็นภาพรวมของคนไข้ที่เราดูแลได้มากขึ้น แต่มันใช้เวลาพอสมควรเลย บางทีต้องเขียนโต้รุ่งเพราะเดี๋ยวจะส่งงานไม่ทัน เรียกว่าเขียนเสร็จก็เพลียกันไปเลยครับ 2) การเรียนข้างเตียง (Bedside) อันนี้เป็นการนำเสนอเคสที่น่าสนใจ เพื่อเล่าข้อมูลทั้งหมดของผู้ป่วยให้อาจารย์ฟัง แล้วอาจารย์จะตั้งคำถามเพื่อฝึกกระบวนการคิดของนักเรียน และสอนเสริมหรือให้การบ้านไปอ่านทบทวนเป็นเรื่อง ๆ ไป และกิจกรรมอีกมากมาย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นกิจกรรมทางการแพทย์ ไม่เหมือนช่วงปี 1-3 แล้วครับ ก็จบกันไปแล้วสำหรับการรีวิวชีวิตการเรียนแพทย์ ฉบับกระชับ (มาก) หวังว่าข้อมูลนี้จะมีประโยชน์กับน้อง ๆ ที่กำลังเดินตามฝันนะครับ ถ้าคิดว่าตัวเองพร้อมและอยากเป็นหมอจริง ๆ ก็ทำมันให้สุด แต่ถ้าคิดจะเรียนเพราะหน้าที่การงานดี สังคมยกย่อง บอกเลยว่าไม่คุ้มจริง ๆ ครับ สู้ ๆ นะครับ พี่เป็นกำลังใจให้