ตั้งแต่ในสมัยโบราณเป็นความเชื่อของคนทั่วโลกหรือแม้แต่คนไทย การดูดวงหรือพยากรณ์เรื่องในอนาคตที่ยังมาไม่ถึงไว้ล่วงหน้าโดยที่ใช้เพี่ยงวันเดือนปีเกิดของแต่ละคนแค่ละดวงชะตานั้นเป็นสิ่งที่ทำต่อๆกันมาเป็นเวลานานหลายชั่วอายุคนแล้ววันนี้ดิฉันจะมาเล่าถึงประสบการณ์ในการเป็นคนที่สามารถตรวจดวงชะตาให้กับทุกๆคนได้ ตรงนี้ต้องกล่าวก่อนว่าดิฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องการดูดวงหรือทำนายทายทักอะไรแบบนี้ แต่เนื่องจากสมัยเรียนเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างไม่สนใจเรียนและไม่มีความกระตือรือรนเลย จึงทำให้หมดโอกาสดีๆไปหลายต่อหลายครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกันมันเลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นทั้งหมดของการเชื่อการพยากรณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าทั้งหมดจนหมดใจ คือตอนที่ดิฉันเรียนอยุ่ในระดับชั้นมัธยมปลายก็ต้องมีวิชาเลือกบังคับที่ทุกคนต้องมี แต่ด้วยความที่เราเป็นคนที่ไม่รีบไม่ร้อนเฉยชาเล่นไปวันๆเพราะคิดวว่าวิชาเลือกมีตั้งมากมายยังไงก็ต้องมีเหลือถึงเราสักวิชา แต่มันไม่ใช่แบบนั้นสิค่ะ วิชาเลือกที่เราเคยอยู่มาทุกๆปีมันดันเต็มและวิชาเลือกวิชาอื่นก็เช่นกัน เราทำไงดีว่ะปีนนี้ปีสุดทา้ยเเล้ววิชาเลือกจะเต็มไม่ได้นะ เเล้วฉันจะยังทำไง แต่อยู่ๆอาจารย์ที่สอนวิชาดนตรีไทยก็เดิมมาหาเราแล้วแกก็ถามว่าปีนี้อยู่ชมรมอะไร มาอยู่กับอาจารย์มั้ย อาจารย์เปิดชมรมโหราศาสตร์ไทย นะ วินาทีนั้นดีใจสุดๆไปเลยเหมือนสวรรค์มาโปรด แต่ว่าเราไม่ชอบเรื่องแบบนี้เลย ทำไงได้มันไม่มีทางเลือก ดีเท่าไหร่เเล้วที่มีชมรมให้อยู่ ก็ได้เข้ามาอยู่ในชมรมของอาจารย์ แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยชอบ เลยทำให้ไม่สนใจเรียนรู้ตำราที่อาจารย์สอนแล้วก็ไม่ค่อยเข้าเรียนด้วย แต่ทุกคนรู้มั้นค่ะทั้งชมรมมีนักเรียนทั้งหมด24คนตั้งใจเรียนกันมากๆเลยแต่คนที่สามารถดูดวงเป็นอาชีพเสริมได้มีเเค่ดิฉันคนเดียวทุกคนว่าแปลกมั้ยค่ะหรือว่ามันเป็นเรื่องที่ฟ้าลิขิตมาแล้ว พอเรียนจบดิฉันก็ไม่เคยได้สนใจในความรู้เรื่องการพยากรณ์ที่เรียนมา แต่มีวันหนึ่งมีพระอาจารย์ท่านนึง ท่านเป็นพระที่บวชมา20กว่าพรรษาแล้ว และมีคนนิมนต์ท่านมาดูดวงในหมู่บ้านแล้วเราก้เห็นมีคนมาต่อคิวดูเยอะมากเลยอยากดูบ้างเห็นเค้าพูดกันทุกคนเลยว่าแม่นมาก เราเลยไปต่อคิวดูกับท่านบ้าง พอถึงคิวเราท่านทักมาหลายๆเรื่องซึ่งมันไม่ตรงกับตัวเราเลยในขณะนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไป นั่งฟังเป็นผู้ฟังที่ดีจนจบ พอก่อนจบท่านทักมาว่าทำไมไม่เป็นหมอดูหละถ้าเป็นหมอดูจะรุ่งนะดูหมดเป็นไม่ใช่หรอ...เรานิ่งตกใจไปขณะนึงว่าท่านรู้ได้ไง แล้วหลังจากที่ดูจบก็เดินออกมาแล้วทุกคนที่รอคิวอยู่ก็ถามว่าเป็นไงท่านดูเเม่นมั้ยเราตอบไปแบบ นิ่ง ๆ ว่าไม่นะก็เฉยๆไม่เห็นจะตรงเลย แต่หลังจากนั้นเวลาผ่านไป2ปีกว่าๆ ทุกอย่างที่พระอาจารย์พูดมาทักมาเป็นจริงหมดทุกเรื่องเลย เราเลยเริ่มเชื่อและเริ่มดูดวงให้คนรอบข้างที่อยากดูแต่บอกเค้าไปว่าเราเรียนมาตั้งแต่จบมาเพิ่งมาเริ่มดูนะไม่รู้จะแม่นมั้ย เราไม่เอาค่าครู แล้วแต่ทุกคนจะให้ เค้าก็ให้มาคนละ9บาทมั่ง 29บาทมั่ง แต่หลังจากที่เริ่มดูมาเรื่อยๆก็เริ่มมีทุกคนที่ดูพูดไปปากต่อปาก จนมาถึงจุดๆนึงที่เราเหนื่อยและเหมือนกับว่าเราจะมีเลือดกำเดาไหลบ่อยมากก็เลยโทรไปหาพระอาจารย์อีกท่านที่นับถือมานานมากท่านดูดวงได้ เเละเเม่นมากค่ะ ก็ถามทา่นถึงเรื่องที่เราเป็นท่านบอกว่าดูดวงให้คนต้องเอาค่าครูนะไม่ใช่ว่าเอามาเเล้วเราจะใช้เองได้ ทั้งหมด เราต้องเเบ่งไว้ทำบุญด้วย ถ้าไม่ทำแบบนี้ตัวเราจะแย่ลงนะ เราก็เลยเปลี่ยนมาบอกทุกคนว่าเราขอเพิ่มค่าครูเป็น199บาทนะ เอาราคานี้เลยจะได้ไม่ต้องมาดูเยอะในใจคิดแบบนี้ แต่ด้วยความเชื่อของคนไทยเราคือถ้าดูแม่นๆคนนี้แนะนำคนนู้นพูดต่อก็สู้ราคาค่าครูได้ ไม่ต่อรอง มันเลยกลายเป็นรายได้หลักของเรามากกว่ารายได้ของงานประจำ แต่ค่าครูที่ได้มาทุกๆปีจะแบ่งไว้ทำบุญเลี้ยงอาหารเด็กพิการตาบอดค่ะเลยกลายเป็นทุกๆคนที่มาดูดวงก็จะได้ทำบุญไปในตัวค่ะแล้วเราได้มีโอกาสกลับไปเจออาจารย์ที่สอนชมรมโหราศาสตร์ไทยโดยบังเอิญขอเอ่ยชื่อท่านนะค่ะท่านชื่อ อาจารย์ ดำเนินค่ะ ตอนนี้ท่านปลดเกษียณแล้วและพอท่านเจอเราท่านยังจำเราไมาได้นะค่ะ เราจำท่านได้เข้าไปกราบท่าน เเล้วก็บอกอาจารย์จำหนูได้มั้ย ไอ้อ้วนอ่ะ ที่ดื้อๆโดดเรียนบ่อยๆ อาจารย์ร้องอ่อเลย เเล้วบอกว่าเป็นไงตอนนี้ทำไรอยู เราตอบเเบบภูมิใจว่าดูดวงออนไลน์ค่ะเเล้วก็หัวเราะ อาจารย์บอกกับเราว่ารู้มั้ยทั้งห้องรู้นที่อาจารย์สอนมีแกได้วิชาไปคนเดียวเลยทั้งๆทีไม่ได้ใส่ใจเรียนเลยแต่อาจารย์ทิ้งท้ายว่า ถ้าเค้าลิขิตมาเเล้วต่อให้ไม่อยากดูก็ดูเป็นมันเป็นพรสวรรค์ที่ฟ้ามอบให้มาแล้ว และท่านพูกับเราจบท่านก็หันไปพูดกับคนในตลาดว่าถ้าใครจะดูดวงดูกับไอ้อ้วนนี่นะ ลูกศิษย์อาจารย์เองสอนมากับมือ แล้วเราก็เพิ่งรู้ว่าอาจารย์ดำเนินท่านดูดวงแม่นมากเเต่ท่านไม่ค่อยดูให้ใครเพราะท่านเป็นอาจารย์สอนหนังสือด้วยสอนดนตรีด้วยจนตอนนี้ปลดเกษียณมาก็บอกว่าแก่แล้วดูไม่ไหว และท่านก็บอกกับเราอีกว่า รู้มั้ยอาจารย์เปิดสอนในชมรมปีที่เราเรียนคือปีแรกและปีสุดท้ายเลยไม่สอนต่อแล้วเหนื่อยไม่รู้ปีนั้นคิดอะไรไปเปิดสอน เพราะมันไม่ใช่ว่าจะเรียนแล้วจะได้ไปทุกคนนะ ดังนั้นมันเลยกลายมาเป็นวิชาติดตัวเรามาให้เรามามีอาชีพเป็นนักพยากรณ์ นี่แหละค่ะที่จะบอกว่าถ้าฟ้ากำหนดมาเเล้วจะชอบหรือไม่ชอบจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ขอเเค่เรามีความศรัทธามันก็สามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้นะคะและเเล้วก็เป็นที่มาของแม่หมอแนตตี้หรือที่รู้จักกันในนานหมอดูฟิวลิ่งค่ะ เพราถ้ามีเงินแต่ไม่มีความเชื่อและความศรัทธาก็ดูไม่ได้นะค่ะเพราะแม่หมอจะให้รอไปก่อนสุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนศัทธราในตัวเองและหาความสามารถของตัวเองให้เจอค่ะเราจะทำมันได้โดยที่ไม่ต้องไปวิ่งตามกรือพยายามแต่อย่างใด ภาพโดย ผู้เขียน