อาจเพราะต้องทำงานและต่อสู้กับวิกฤตที่กระหน่ำซ้ำเติมมาหลายรอบ เรื่องที่จะเที่ยวหรอ แค่จะเที่ยวภายในประเทศเองก็ถือว่ายากแล้ว กระทั่งหลังวิกฤตน้องน้ำ 54 จนทำให้ต้องเปลี่ยนอาชีพจากพ่อค้าแม่ค้าร้านเบเกอรี่และโชห่วยมาเป็นร้านโฟโต้นั่นหละ ด้วยกิจการที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น ทำให้จึงเริ่มมาคิดอ่านที่จะออกไปเที่ยวบ้างเมื่ออายุห้าสิบแล้วนี่หละ จำได้ว่าตอนไปทำหนังสือเดินทางกันทั้งครอบครัวครั้งแรกด้วยความตื่นเต้นมาก จากนั้นจึงให้โอกาสกับตนเองในการออกไปเยือนต่างประเทศแบบลูกค้าที่มาใช้บริการโฟโต้ที่ร้านเค้ามีรูปให้เราได้อิจฉามาก่อนหน้านี้ ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เราสองตายายมีโอกาสไปเยือนแบบยาวนานทุกปี โดยเฉพาะการไปเที่ยวนอกเทศกาล ที่จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายลงมามาก อย่างเช่น ทริปที่เราไปเยือนเกียวโต 14 วัน ในช่วงมิถุนายนถึงกรกฎาคม ด้วยการปั่นจักรยานเที่ยว เราใช้งบรวมทุกอย่างที่รวมค่าตั๋วเครื่องบินสองตายายแล้ว อยู่ที่ 3.3 หมื่นบาท กับการที่ได้เรียนรู้ ได้ท่องเที่ยว และเก็บภาพความทรงจำที่ดีกลับมาเป็นกำไรชีวิตด้วย ตอนนั้นเราไปเยือนแถบคันไซนี้ 3 ปีต่อเนื่องและมีปีหนึ่งที่ไปสองรอบด้วย คงเพราะสุขใจเสมอที่มาเยือนเมืองเก่าและมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยอัธยาศัยมิตรไมตรีแม้ว่าเราจะใช้ภาษาอังกฤษได้ไม่ค่อยดีนักก็ตาม ความน่าสนใจของเมืองเกียวโต หากจะถามว่า เหตุผลที่ไปเที่ยวเมืองเกียวโตนั้น คงต้องเริ่มจากการอยากไปเที่ยวต่างประเทศแบบเที่ยวเองเป็นทุนเดิม และญี่ปุ่นถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เดินทางไปเยือนได้โดยไม่ต้องใช้ Visa และต่อมาคือ ช่วงที่ว่างในครั้งแรกนั้นเป็นช่วงปลายมิถุนายน จึงได้เริ่มต้นสำรวจว่า จะไปประเทศไหนดี ที่สุดก็มาสะดุดที่ราคาตั๋วไปกลับอยู่ในงบหกพันบาทต่อคนรวมทุกอย่างแบบไม่ต้องจองล่วงหน้าแต่อย่างใด เมื่อได้เรื่องเป้าหมายประเทศ เป้าหมายโซนเมืองเป็นแถบคันไซตามราคาตั๋วแล้ว ต่อมาคือการเลือกเมืองเพื่อจองที่พัก แน่นอนว่า เรื่องราคาและงบประมาณสำหรับมือใหม่สำคัญมาก เราเจอที่พักที่เป็นห้องในราคารวมจักรยานให้ใช้ด้วยราคาหลักหมื่นบาทเศษต่อทริปที่เกียวโต เมื่อเรื่องหลักนั้น ถูกตอบคำถามได้แล้ว ต่อมาคือการจองตั๋วและที่พัก ทว่าเมื่อได้เริ่มศึกษาข้อมูล ก็เริ่มหลงเสน่ห์ของเมืองนี้เพิ่มมากขึ้น เมืองเกียวโตถือเป็นเมืองหลวงเก่า มีวัฒนธรรมที่รักษาไว้เหนียวแน่น วัดที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศอยู่ที่นี่ มีวัดเงิน วัดทอง วัดน้ำใส ศาลเจ้าจิ้งจอก มีป่าไผ่ มีถนนนักปราชญ์ และสถานที่ที่มีชื่อเสียงเป็นมรดกโลกมากมาย ที่สำคัญสามารถใช้จักรยานท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ได้สะดวก ในแบบที่เจ้าของร้านโฟโต้อย่างเราจะสามารถเก็บภาพต่างๆ ในมุมมองที่เราชอบ อยู่ได้นานๆในแต่ละสถานที่เท่าที่เราวางแผนเที่ยวกันด้วยนั่นเอง เตรียมตัวอะไรบ้าง จะใช้ประสบการณ์โดยรวมจากที่ได้มีโอกาสไปเยือนเที่ยวแถบคันไซ ที่มีเมืองโอซาก้า เกียวโต โกเบ นารา และวากายะมะ มาบอกแบบรวมๆโดยเน้นมาที่เมืองเกียวโตละกัน เพราะความผิดพลาดจากประสพการณ์ความไม่รู้และความอ่อนด้อยด้านภาษาของพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยสองคนนี้ กลายเป็นความน่ารักในสายตาของชาวญี่ปุ่นที่เราไปเยือนทุกปีด้วย สิ่งที่ต้องเตรียมตัวคือวันเวลาที่แน่นอน ที่สำคัญคือ ระยะเวลาที่สามารถอยู่เที่ยวได้ของประเทศญี่ปุ่น คือ 15 วัน นับจากวันที่ถึงประเทศญี่ปุ่นและออกจากประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นเวลาจองเที่ยวบินต้องดูเรื่องวันที่ที่เราจองให้ถูกต้องด้วย ต่อมาคือเรื่องที่พัก ที่จะต้องสัมพันธ์กับวันที่และเวลาที่จะไปถึง บวกกับเวลาที่จะเดินทางไปยังที่พักนั้นว่า จะใช้วิธีไหน ใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ และโชคดีคือเมืองที่เราเลือกจะไปคือเกียวโต ที่ห่างจากสนามบินนานาชาติคันไซประมาณชั่วโมงครึ่งเท่านั้น แต่อย่าลืมเรื่องระบบขนส่งในแถบนี้จะหยุดที่ 23.30 น. ด้วย ดังนั้นต้องขึ้นนระบบขนส่งที่จะออกจากสนามบินก่อน 22.00 น.ด้วยเช่นกัน และเพื่อความชัวร์ เราเลือกการเดินทางด้วย Shuttle Bus ที่วิ่งตรงจากสนามบินสู่สถานีรถไปเกียวโต เนื่องจากเที่ยวบินเราไปถึงดึก ต่อมาคือเรื่องที่พัก สามารถจองได้ผ่านWebหาที่พักมากมาย และที่นิยมกันคือ Agoda และ Booking และเราเลือก Booking เพราะจ่ายเงินหลังจากเข้าพักได้ เปลี่ยนใจยกเลิกก่อนไปได้ก่อนสักสัปดาห์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จะเลือกจองไว้สักหลายๆแหล่งแล้วค่อยๆวางแผนเที่ยว เผื่อเปลี่ยนแผนก็ไม่ถือว่าผิดกติกาอย่างไร และในที่สุดเราเลือกที่พักที่มีจักรยานให้ใช้สองคันและราคาสู้ไหว มีเครื่องซักผ้าให้ใช้ มีห้องครัวให้ทำอาหาร แม้จะอยู่ไกลจากสถานีรถไฟเกียวโตนิดหน่อย ดังนั้นหากอยู่ยาว จะได้ไม่ต้องติดเสื้อผ้ามากชิ้น อาหารทำกินเองพอได้ จานชามให้ใช้ ประหยัดได้มากขึ้น กระเป๋าลากขนาด 22 นิ้วขึ้นเครื่องโดยตรงได้แบบไม่ต้องLoadไปกับระวางเครื่องบินคนละใบ ถือว่าพอได้อยู่ เพราะในช่วงหน้าร้อนต่อเนื่องหน้าฝนของประเทศญี่ปุ่นเหมือนบ้านเรา ที่ร้อนมากและมีฝนตกทุกวัน เสื้อผ้าแบบใส่สบาย เสื้อยืด รองเท้าแตะ กางเกงขาสั้น หรือจะเป็นยีนส์สบายๆ สักสองสามตัวผลัดกันใส่ ผลัดกันซัก ไปเที่ยวกลับมาเสื้อผ้าแห้งพร้อมเที่ยววันต่อไป ที่สำคัญคือแผนที่ ที่จะสามารถไปขอได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของแต่ละเมือง ที่มักอยู่ภายในสถานีรถไฟที่เราไปเยือนนั่นเอง สำหรับเรื่องอินเตอร์เน็ตนั้น หากไม่ต้องการความเสี่ยงสามารถซื้อจากประเทศเราแล้วไปเปิดใช้ที่ประเทศญี่ปุ่นได้ ทว่าการไปเยือนเกียวโตในครั้งหลังนั้น เราสองตายายจะใช้สัญญาWifi สาธารณะที่มีให้ใช้ต่อเนื่อง ด้วยการลงทะเบียนครั้งเดียว และเที่ยวอยู่ภายในเมืองเกียวโตนั้นมีสัญญาณครอบคลุมมาก จำได้ว่า ครั้งนึงเราไปเยือนที่วัดคิบุเนะ ที่เป็นวัดที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น อยู่บนเขาและไกลจากตัวเมืองมาก และต้องตั้งใจไปอย่างยิ่ง ที่แห่งนั้นมีสัญญาน Wifi ให้ใช้ได้ด้วยเช่นกัน ต่อมาคือเรื่องการแลกเงิน สามารถทำได้โดยแลกจากประเทศเราไปหรือจะไปแลกที่สนามบินสุวรรณภูมิ หรือสนามบินคันไซที่ประเทศญี่ปุ่นได้ด้วย แต่เราเลือกที่จะใช้บัตรเครดิตกดจากตู้เบิกเงินในร้านสะดวกซื้อที่มีอัตราแลกที่เป็นธรรมกว่า และไม่เสียค่าธรรมเนียมในการกดใช้ด้วย ง่ายต่อการบริหารจัดการงบประมาณด้วย ทั้งนี้หากมีความอยากจะซื้อหาสิ่งใดที่เกิดงบประมาณที่ถืออยู่จะสามารถใช้บัตรเครดิตได้ทุกที่ทั่วเมืองเกียวโต แม้แต่ร้านรวงข้างทางก็สามารถใช้ได้ ส่วนเรื่องของจักรยานเช่านั้น ที่เมืองเกียวโตหาได้ไม่ยากนัก มีร้านให้เช่าหลายแห่ง โดยที่ส่วนใหญ่ต้องส่งคืนที่เวลา 18 นาฬิกาของแต่ละวัน ขอหลักฐานเป็น Passport ฝากไว้ ด้วยงบประมาณ 100 – 300 เยนต่อวัน เทียบเป็น 30 – 90 บาทไทยเรานั่นเอง ในสถานที่ท่องเที่ยวที่กว้างขวาง เช่น ป่าไผ่อาราชิยาม่า หรือแถบกิออง ที่จะสามารถเที่ยวกิออง ถนนนักปราชญ์ และวัดน้ำใส่ จนถึงศาลเจ้าจิ้งจอกนั้น จะมีร้านให้เช่าจักรยานในถนนราคา 100 – 200 เยนต่อวันด้วยเช่นกัน ซึ่งราคาเช่าจักรยานที่เมืองนี้จะถูกกว่าในเมืองใหญ่ถึงหลักสิบเท่าเลยทีเดียว และท้ายสุดคือ แอปนำทางหรือGoogle Map นั้น ช่วยให้การเดินทางจากคนที่ไม่รู้ ไม่ทราบเส้นทางสามารถเลือกและตัดสินใจได้ รวมถึงการประเมินระยะทางและเวลาของรถไฟที่จะเดินทางจากความแม่นยำของระบบขนส่งทางรางของประเทศญี่ปุ่นนั้นด้วย ถอดบทเรียนที่น่าสนใจ ถนนของประเทศญี่ปุ่นนั้น จะมีทางให้รถจักรยานวิ่งต่างหาก รถจักรยานสามารถใช้บนฟุตบาทได้เป็นปกติ ที่ญี่ปุ่นนั้นรถที่ใหญ่กว่าจะหยุดให้รถที่เล็กกว่าเสมอแม้ว่าจะไม่มีสัญญานไฟ คนที่เมืองเกียวโตใช้จักรยานเป็นปกติ ช่วงก่อนหกโมง-เจ็ดโมงเช้าเมืองจะคึกคักนิดนึง เนื่องจากคนออกเดินทางสู่ระบบขนส่งทั้งทำงานและเรียน ต่อจากนั้นเมืองจะสู่ความเงียบสงบจนกว่าจะค่ำ ผู้คนที่เมืองนี้ทั้งหญิงและชายใส่ชุดประจำชาติเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ไปไหนมาไหน ผู้หญิงเดินเหินด้วยรองเท้าเกี๊ยะไม้ได้คล่องแคล่ว มีอัธยาศัยดี ชอบช่วยเหลือแม้ว่าการสื่อสารระหว่างกันจะต้องใช้ความพยายามมากก็ตาม คนที่นั่นเชื่อผลการพยากรณ์ของหน่วยงานอุตุนิยมวิทยา หากบอกว่า วันนั้นฝนตกเค้าจะพกร่มไปด้วย ไม่ว่าเด็กน้อยหรือคนสูงอายุ เมื่อเค้ายังไหว เค้าจะเดินให้มากที่สุด การเสียสละที่นั่งแบบไทยเราที่ขอให้เอื้อเฟื้อกันและกันนั้นอาจถูกมองในทางตรงกันข้ามว่า เค้ายังไหวไม่ควรทำเช่นนั้น บทเรียนที่สำคัญสำหรับการปั่นจักรยานเที่ยวเมืองเกียวโตในช่วงหน้าร้อนต่อเนื่องสู่หน้าฝนนั้น คือ อากาศที่ร้อนมาก และฝนสามารถตกได้ตลอดเวลา จึงควรพกร่มและพกน้ำติดตัวเสมอ แต่หากไม่ประสงค์จะซื้อร่มเป็นของตนเองแล้ว ที่พักเราจะมีให้ยืมใช้เสมอ น้ำประปาของประเทศญี่ปุ่นนั้นสามารถดื่มได้ จึงง่ายต่อการกรอกเติมเพื่อดื่มไม่ต้องกรอกพกไปหลายขวด เพราะสามารถหาเติมได้ตลอดทาง สำคัญที่ครีมกันแดด เสื้อคลุมมีฮู้ดผ้าสบายและกันฝนได้ คือทางเลือกที่ดีที่สุด ของนักท่องเที่ยวที่จะเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในช่วงหน้าฝน การเที่ยวด้วยจักรยานนั้น ข้อเสียคือเหนื่อย และต้องเผื่อยางรั่ว ยางแบนด้วย ยิ่งสองตายาบ้านนี้อาชีพคือขายของจากเช้ามืดปิดร้านค่ำด้วยแล้วโอกาสออกกำลังกายเพื่อเตรียมตัวเป็นเรื่องยาก ดังนั้น การไปปั่นจักรยานเที่ยวตลอดสิบกว่าวันในต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้คือ ความล้าและยอก กลับถึงที่พักเป็นได้หลับยาว ยิ่งนิสัยชอบเก็บภาพแสงแรกและแสงสุดท้ายของตามสถานที่ต่างๆ ตามปกติวิสัยคนมีอาชีพช่างภาพด้วยแล้ว การออกจากที่พักก่อนตะวันและกลับที่พักดึกจึงเป็นเรื่องปกติ หากมีโอกาสขอไปเยือนอีกหลายครั้ง วิกฤตโควิค-19 เป็นผลให้ปีนี้สองตายายบ้านนี้ไม่ได้ไปปั่นจักรยานในย่านเมืองเก่าของประเทศญี่ปุ่นนี้อีกครั้ง แต่เราจะรอนะ ด้วยเพราะความน่ารักของผู้คนท้องถิ่น มิตรไมตรีที่ได้รับมาต่อเนื่องนั้น เราถือเป็นเสมือนเพื่อนที่มีต่อกัน ขนมมีให้เลือกมากมาย อาหารรสชาดอร่อย เพียงพกพาพริกป่นไปนิดหน่อยสองตายายอยู่ได้สบายมาก แล้วเมื่อไหร่เธอพร้อมและฉันพร้อม เราจะได้เจอกันนะ