สวัสดีค่ะ ทุกคนกลับมาพบกับ Diary Therapy กันอีกครั้งนะคะ ทุกคนเคยได้ยินทฤษฎีสมคบคิด ไหมคะ แล้วสงสัยไหมคะว่าคืออะไรกัน ทฤษฎีสมคบคิดนี้ เป็นเรื่องเล่า หรือมาในรูปแบบบทความ เกี่ยวกับเรื่องของบุคคล หรือกลุ่มคน โดยการนำเอาเหตุการณ์ต่าง ๆ มาเล่าโดยมีข้อมูลเท็จจริงประกอบอยู่เล็กน้อย หรือมีบางเพียงบางส่วนมาเสริมให้เกิดความน่าเชื่อถือขึ้น เราอาจเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ ทฤษฎีสมคบคิด มากมายหลายเรื่องใช่ไหมคะ วันนี้มีหนังสือที่เป็นการนำเรื่องเกี่ยวกับ ทฤษฎีสมคบคิด มาเขียนในรูปแบบนิยายค่ะ นั่นคือหนังสือเรื่อง “ถึงเปลี่ยนร้อยหน้าก็จะตามฆ่าแกให้ได้” เขียนโดย “จางยงมิน” แปลโดย "พัชรวดี ประเสริฐไพบูลย์"จากสำนักพิมพ์ “แพรวสำนักพิมพ์”ราคาเล่มละ 295 บาทค่ะเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ ทฤษฎีสมคบคิดว่าฮิตเลอร์ยังไม่ตาย เริ่มจากการไล่เรียงไทม์ไลน์ตั้งแต่ที่นาซีเยอรมันประกาศว่า ฮิตเลอร์ยิงตัวตายในรังอินทรี ซึ่งในไทมไลน์นั้นเป็นข้อมูลที่ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดที่ว่า ฮิตเลอร์ไม่ได้ตายในปี 1945 แต่กลับหนีไปกลบดาน รอดพ้นจากโทษทัณฑ์ต่าง ๆ ค่ะ ซึ่งแนวคิดหลักจะเป็นของผู้เขียนนิยายเล่มนี้ โดยผสมผสานกับแนวคิดทางการแพทย์ที่ล้ำสมัย และแต่งเติมความเป็นแฟนตาซีเข้าไปในเรื่องด้วย ดูน่าสนใจแล้วใช่ไหมล่ะคะ ว่าผู้เขียนหนังสือเล่มนี้สามารถผนวกแต่ละรูปแบบมาเป็นเรื่องเดียวกันได้อย่างไรเนื้อเรื่องจะเริ่มจากช้า ๆ และไต่ระดับความเข้มข้นมากขึ้น การดำเนินเรื่องจะเป็นการเล่าเรื่องของตัวละครหลักที่สลับเรื่องไปมาระหว่างเวลาปัจจุบันที่นครนิวยอร์ก สลับกับการเล่าเรื่องที่เยอรมันซึ่งเป็นเรื่องในอดีตของตัวละครหลัก ซึ่งตัวละครหลักนี้ได้ตามล่าตัวฮิตเลอร์ที่ยังไม่ตาย เนื้อเรื่องบางตอนในระหว่างที่อ่านทำให้เห็นความรู้สึกของตัวละคร และอีกมุมของการเล่าเรื่องราวชีวิตของฮิตเลอร์ ซึ่งแตกต่างจากที่เราเคยได้ยินข่าว หรือแตกต่างจากที่เราเคยอ่านมาค่ะ ซึ่งเป็นการนำเสนออีกมุมของฮิตเลอร์ ส่วนตัวไม่แน่ใจว่า “จางยงมิน” ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ต้องการให้ผู้อ่านอย่างเรารู้สึกอย่างไร แต่คิดเอาเองว่าอาจอยากให้ผู้อ่านได้เห็นอีกมุมถึงความเป็นมนุษย์คนหนึ่งของ ฮิตเลอร์ มนุษย์ที่อีกมุมก็มีความรู้สึกเหมือนคนทั่วไปที่เจ็บได้ร้องไห้เป็น เอาเป็นว่าเรื่องนี้น่าสนใจและรู้สึกเป็นนิยายที่สามารถผสมผสานหลาย ๆ อย่างได้ดีน่าอ่านอีกเล่มค่ะในมุมมองของฐานะผู้อ่านที่มีต่อหนังสือเล่มนี้นั้น หากจะบอกว่าสนุกจนวางไม่ลงอาจจะดูเหมือนอวยหนังสือมากไปหน่อย แต่มันคือความจริงในฐานะผู้อ่านจริง ๆ ค่ะ จากที่เล่าไปแล้วข้างบนที่จุดเริ่มต้นมาจากทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งต้องยอมรับค่ะว่าผู้เขียนอย่าง “จางยงมิน” ทำการศึกษามาเยอะและสามารถนำประวัติศาสตร์มาถ่ายทอดเป็นนวนิยายได้อย่างน่าสนใจ สำหรับคนที่ไม่ชื่นชอบหนังสือแนวประวัติศาสตร์หากได้อ่านเล่มนี้ต้องเปลี่ยนใจมาชอบแน่นอนค่ะ และไม่อยากเชื่อเลยค่ะว่าหนังสือเล่มนี้เขียนโดยผู้เขียนชาวเกาหลี แต่อ่านจบแล้วอย่าเพิ่งปักใจเชื่อสิ่งที่ “จางยงมิน” เขียนในเล่มนะคะ เพราะส่วนตัวก็อินจนเผลอเชื่อเพราะการเล่าเรื่องอย่างสมจริงค่ะเป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ หากสนใจสามารถสั่งสือผ่านทางออนไลน์ได้เล่มนี้มีในรูปแบบ Ebook ด้วยนะคะเพื่อใครอยากมีหนังสือพกไว้อ่านแก้เบื่อสักเล่ม ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะถูกใจทุกท่าน ไว้พบกันคราวหน้าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรนั้น ขอฝากติดตามผลงานกันด้วยนะคะ สำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อนสวัสดีค่ะ ติดตามบทความอื่น ๆ ที่นี่ค่ะ : Diary Therapyสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊ค Diary Therapyเครดิตรูปภาพ :ภาพหน้าปก , ภาพประกอบที่ 1, ภาพประกอบที่ 3 โดย : ผู้เขียนภาพประกอบที่ 2 ขอบคุณรูปภาพจาก : Wikipedia