ชวนอ่าน l วันที่แม่ไม่อยู่ วรรณกรรมขายดีของเกาหลีกว่า 2 ล้านเล่ม!หากพูดถึงหนังสือที่มีประเด็นเกี่ยวกับแม่แล้ว เราคิดว่าหลายคนคงเคยอ่านพล็อตแบบนี้มามากมาย หนังสือที่ทำขึ้นเพื่อให้เราระลึกถึงความรัก ความอดทน และความเสียสละของแม่ แต่เล่มที่อยู่ในมือเรานี้ช่างลึกซึ้งและมีคุณค่ากว่านั้น . . วันที่แม่ไม่อยู่ เป็นวรรณกรรมผลงานของชาวเกาหลี ชินกยองซุก ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการเขียนมาจากเรื่องราวของตัวเอง เมื่อเธอมีโอกาสได้กลับไปหาแม่ที่ต่างจังหวัดและใช้เวลาอยู่ด้วยกันถึง 15 วัน การได้กลับไปเจอแม่อีกครั้งทำให้เธอรู้ว่าที่ผ่านมาเธอรู้จักตัวตนของแม่น้อยลงไปเพียงใด . . ด้วยความที่เป็นวรรณกรรมของเกาหลี ทำให้เราได้กลิ่นอายของความเป็นเอเชีย และวัฒนธรรม วิถีชีวิตที่คล้ายจนแทบจะเหมือนกับไทย และไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอ่านจบไปสองวันแล้ว แต่ก็ยังอินอยู่ได้ขนาดนี้Credit: chachiiเรื่องราวเริ่มต้นขึ้น ด้วยประโยคสั้น ๆ แต่ทำเอาคนอ่านที่เป็นลูกทุกคนถึงกับหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ . . แม่หายตัวไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว การหายตัวไปของแม่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดนี้ ในสถานีรถไฟที่วุ่นวายที่สุดกลางกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ พ่อแม่วัยชราเดินทางมาจากบ้านนอกเพื่อมาเยี่ยม ๆ ลูก ๆ ในเมืองหลวง พวกเขาไม่คุ้นชินกับคนเยอะ ๆ และความวุ่นวายในเมือง ผู้คนที่มีท่าทีเร่งรีบตลอดเวลา และแทบจะไม่มีใครได้สบตาใคร เหมือนว่าพวกเขาจะมีเป้าหมายของตัวเองกันหมด . . นาทีที่พ่อก้าวขาขึ้นรถไฟไป เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ภรรยาของเขาพลัดลงกันเสียแล้ว . . ตั้งแต่วันนั้น แม่ก็หายสาบสูญไป มีเพียงเรื่องราวของแม่ที่ยังล่องลอยอยู่เท่านั้นความทรงจำเกี่ยวกับมนุษย์คนหนึ่งมีมากแค่ไหนกันนะ โดยเฉพาะความทรงจำเกี่ยวกับแม่เมื่อแม่หายไป . . ลูก ๆ จึงต้องเริ่มต้นค้นหาแม่ แต่ยิ่งพวกเขาตามหาแม่มากเท่าไหร่ พวกเขายิ่งสำนึกว่า พวกเขาไม่เคยรู้จักแม่เลย . . เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่เกิดปีอะไร พวกเขาไม่มีรูปแม่ตอนปัจจุบัน พวกเขาไม่รู้ว่าแม่ใส่รองเท้าคู่ไหน พวกเขาแทบไม่รู้อะไรเลย . . ยิ่งพวกเขาตามหาแม่กันมากแค่ไหน ยิ่งรู้สึกผิดในใจมากแค่ไหน ลูก ๆ ต่างโทษกันเองว่าทำไมไม่ใส่ใจแม่ให้มากพอ พวกเขาต่างมีข้ออ้างให้ตัวเองไม่รู้สึกแย่จนเกินไป แต่ในใจลึก ๆ ของทุกคนแล้วต่างรู้ดีว่า พวกเขานั่นแหละที่ไม่ใส่ใจแม่ให้มากพอCredit: chachiiวันที่แม่ไม่อยู่ . . เป็นวรรณกรรมเกาหลีเรื่องแรกที่เราอ่านในชีวิต ก่อนนี้เคยได้อ่านวรรณกรรมญี่ปุ่น และฝรั่งมาบ้าง แต่ต้องยอมรับว่า วรรณกรรมเกาหลีสอดแทรกวัฒนธรรม การเล่าถึงบรรยากาศ และประเด็นที่ลึกซึ้งเข้าถึงง่าย นักอ่านคนไทยจะต้องคอนเน็กเรื่องราวได้ง่ายแน่นอน เพราะหากเป็นคนชาติอื่นอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องดราม่ากันขนาดนี้ . . แต่พอเป็นคนไทย เราเข้าใจคำว่า ยุ้งฉาง เราเข้าใจว่าการทำสวน ทำไร่ ทำนา และการทำครัวเลี้ยงลูก ๆ 4-5 คนนั้นมันลำบากขนาดไหน เราจินตนาการภาพผู้หญิงที่ร่างกายทรุดโทรม เดินตากแดดออกไปเก็บผัก เก็บข้าวโพด และมัน มาปิ้งให้ลูก ๆ กินได้ เราจินตนาการถึงหญิงชราที่หอบอาหารมากมายข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาให้ลูก ๆ ได้กินที่เมืองหลวงได้ เราจินตนาการได้แม้กระทั่งฝ่ามือและใบหน้าอันหยาบกร้านจากการทำงานหนักของคนที่เรียกว่า แม่ ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตาหลังจากอ่านจบแล้ว . . เราไม่ได้หวังว่าเรื่องนี้จะจบอย่าง Happy Ending เพราะในชีวิตจริง ไม่ใช่ว่าเราจะมีโอกาสให้ได้แก้ตัวกันทุกครั้ง บางครั้งเราสำนึกได้ในวันที่สายเกินไป ตามที่ผู้ใหญ่ชอบพูดกันว่า ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา ก็คงเป็นประโยคที่ดูเหมือนว่าจะเข้ากับหนังสือเล่มนี้ที่สุดแล้ว . . วันที่ไม่แม่ไม่อยู่ ทำให้เราตระหนักถึงมุมมองเกี่ยวกับแม่หลาย ๆ อย่าง ชีวิตของแม่ในอีกมุมหนึ่ง เรารู้จักแม่ของเราในฐานะแม่มาตลอด แต่เราไม่เคยรู้จักแม่ในฐานะภรรยาของพ่อ คุณป้าใจดีของเด็กกำพร้า หรือ นางฟ้าของหมาจรจัด แม่ยังมีชีวิตอีกหลายมุมนักที่ลูกไม่รู้ แม่ยังมีหัวใจ และความรู้สึกอีกมากมายนักที่ไม่ได้เผยให้ลูกเห็น . . หรือบางครั้งอาจจะเป็นเพราะว่าลูกไม่เหลียวแลแม่มากพอ กว่าจะรู้ว่าแม่นั้นเป็นอย่างไร และแม่รักเราขนาดไหนก็กลายเป็น . . วันที่แม่ไม่อยู่แล้วCredit: chachiiหนังสือ วันที่แม่ไม่อยู่เขียนโดย ชินกยองซุก ราคา 225แพรวสำนักพิมพ์