ไลฟ์แฮ็ก

ชวนรู้ 5 ข้อแตกต่างก่อนสร้าง Content "Facebook" vs "Blockdit"

1.5k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ชวนรู้ 5 ข้อแตกต่างก่อนสร้าง Content "Facebook" vs "Blockdit"

ชวนรู้ 5 ข้อแตกต่างก่อนสร้าง Content "Facebook" vs "Blockdit"

หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อของ “Blockdit” หรือแพลตฟอร์มน้องใหม่สัญชาติไทยจากผู้พัฒนาเว็บไซต์ ‘ลงทุนแมน’ เว็บไซต์ชื่อดังด้านการเงินและการลงทุนที่ตอนนี้ได้เข้ามาตีตลาดโซเชียลมีเดียอย่างเต็มตัว ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ คนเมื่อเปิดเข้าไปในแพลตฟอร์มนี้แล้วอาจจะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาไม่น้อย เพราะเจ้า Blockdit นี้ มีหน้าตาและฟังก์ชันที่ดูใกล้เคียงโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook ไม่น้อย แต่รู้ไหมครับ ว่าจริง ๆ แล้วทั้ง 2 แพลตฟอร์มนี้แตกต่างกันอย่างไร แล้วตอนเทนต์ของเราเองเหมาะกับที่ไหน วันนี้ผมขอพาทุกคนไปชวนส่อง ‘5 ข้อแตกต่างของ Facebook และ Blockdit’ กันครับ

blockdit1 คอนเทนต์ของแพลทฟอร์ม

อย่างแรกเลยที่ดูเหมือนจะเห็นชัดที่สุด นั่นก็คือคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม โดยปกติแล้ว Facebook นั้นเรามักจะเห็นคอนเทนต์ที่ค่อนข้างหลากหลายใช่มั้ยครับ ไม่ว่าจะเป็นโพสต์ข้อความ รูปภาพ คลิปวิดีโอ รวมไปถึงเนื้อหาต่าง ๆ อย่างของ Facebook ที่จะมีเนื้อหาที่หลากหลายทั้งข่าวสาร ความรู้ ธุรกิจ และโดยเฉพาะด้านบันเทิงที่มีอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้ทุกคนสามารถเสพเนื้อหาได้หลากหลายความสนใจในแต่ละวัน ในขณะที่ Blockdit จะมีเนื้อหาที่เฉพาะกลุ่มมากกว่า โดยส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ความรู้เฉพาะทาง อาทิ ความรู้ธุรกิจ ข่าวสาร นวัตกรรม หรือเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ ที่มีคนสนใจ โดยผู้เสพสามารถเลือกคอนเทนต์ที่สนใจได้ ลดการเสพคอนเทนต์อื่นที่ไม่ตรงความต้องการของตัวเองได้นั่นเอง

Advertisement

Advertisement

fanpage2 ระบบการสร้างเพจ

แน่นอนว่าแหล่งความรู้ หรือข้อมูลคอนเทนต์ที่น่าสนใจส่วนใหญ่มักมาจาก ‘แฟนเพจ’ ที่รวบรวมเรื่องราวที่เราสนใจมาโดยเฉพาะให้เราได้ติดตาม ซึ่งทั้งสองแพลตฟอร์มนี้ต่างก็มีระบบการสร้างแฟนเพจด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งระบบโดยทั่วไปนั้นค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่แตกต่างกันตรงที่ Blockdit เมื่อแฟนเพจมีผู้ติดตามเกิน 1,000 คน จะสามารถเปิดระบบสร้างรายได้ให้กับเพจได้ โดยอิงจากยอด Engagement ในแต่ละโพสต์ ในขณะที่ Facebook ยังไม่มีระบบสร้างรายได้แบบนี้ แต่มีข้อได้เปรียบที่สามารถใส่รายละเอียด อาทิ อัลบั้มรูปภาพ , canvas ฯลฯ ได้มากกว่า

user3 กลุ่มผู้ใช้งาน

เมื่อคอนเทนต์มีความแตกต่างกัน แน่นอนว่ากลุ่มผู้ใช้งานก็ย่อมมีความแตกต่างด้วยเช่นกัน อย่าง Facebook เอง แน่นอนว่ากลุ่มผู้ใช้งานค่อนข้างหลากหลาย และมีช่วงความกว้างของอายุค่อนข้างมาก อีกทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มสากลที่ใช้สื่อสารร่วมกันได้ทั่วโลก เหมาะสำหรับคนทั่วไป ในขณะที่ Blockdit ยังเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาในประเทศไทย เพื่อคนไทยเป็นหลัก อีกทั้งยังมีเนื้อคอนเทนต์ที่มีความเฉพาะ ทำให้กลุ่มผู้ใช้งานส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่ชื่นชอบในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่แล้ว แต่ถึงแม้ว่าผู้ใช้งานจะน้อย แต่ก็เป็นกลุ่มผู้ใช้งานที่มีคุณภาพและแสดงผลตอบรับต่อเรื่องนั้น ๆ มากกว่าผู้ใช้งานทั่วไป

Advertisement

Advertisement

ads4 ระบบการโฆษณา

สำหรับเจ้าของเพจทั้งหลาย แน่นอนว่าต่างก็อยากให้คอนเทนต์ของเรานั้นมีคนเข้ามาเห็น ซึ่งสิ่งที่เป็นเหมือนตัวช่วยในตรงนี้ก็คือการโฆษณา ซึ่งของ Facebook หลาย ๆ คนน่าจะทราบกันดีว่าเราสามารถสร้างโฆษณาให้กับโพสต์และเพจของเราได้ โดยสามารถระบุกลุ่มเป้าหมายในงบประมาณที่เราตั้งไว้ อีกทั้งยังสามารถรายงานสถิติการเข้าถึงจากโฆษณาได้อย่างละเอียด ซึ่งของ Blockdit เองก็มีฟังก์ชันในส่วนนี้เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้รายงานผลระเอียดมากเท่า Facebook ก็ตาม แต่มีข้อได้เปรียบตรงที่เราจะมีเครดิตเริ่มต้นในการบูสต์โฆษณาของเรา ช่วยให้เราได้ลองใช้ฟังก์ชันเพื่อผลลัพธ์ก่อนจ่ายเงินได้นั่นเองครับ

use5 การใช้งาน

ปัจจุบัน Blockdit ยังคงเน้นสำหรับผู้ใช้บนสมาร์ทโฟน ด้วยรูปแบบที่ใช้งานง่ายและมีฟังก์ชันในการใช้งานไม่มากนัก ในขณะที่ของ Facebook เองปัจจุบันมีฟังก์ชันในการใช้งานที่หลากหลาย และอาจมีบางฟังก์ชันที่ไม่สามารถใช้งานบนมือถือ

Advertisement

Advertisement

สรุปแล้วทั้งสองแพลตฟอร์มต่างก็มีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป สำหรับผู้สร้าง content อย่างเรา ๆ ไม่สามารถฟังธงได้หรอกครับว่าแพลตฟอร์มไหนที่จะสร้างผลลัพธ์ให้เราได้ดีกว่ากัน แต่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด มักจะเกิดกับคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของผู้เสพ ดังนั้นเราควรเริ่มจากการเลือกคอนเทนต์ของเราให้เหมาะสมกับบริบทของแพลตฟอร์มนั้น ๆ

ผู้เสพอยู่ที่ไหน เราต้องไปเสิร์ฟคอนเทนต์ให้ถึงที่นั่น

เรื่อง/ภาพ : PARICH

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์