บ่ายๆ แดดอ่อนๆ เมื่อคุณได้รับลมประทะหน้าพร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ ฉันหลับตานึกถึงบรรยากาศนั้นขึ้นมาในสภาวะที่ฉันใส่หน้ากากป้องกันมลพิษที่บินว่อนอยู่รอบตัวและนั่งพิมพ์อยู่ในเมืองใหญ่... ใช่แล้วมันคงดีสักช่วงวันพักผ่อนสั้นๆ ที่กระชากหน้ากากออกและมุ่งตรงสู่พื้นที่จังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครมากนักและชวนคนในครอบครัวไปเปลี่ยนบรรยากาศกันสักเล็กน้อย ฉันขอเล่าบรรยากาศที่ตราตรึงทั้งสายตาและทุกอณูอากาศของการหายใจของฉันที่นึกถึงในวันที่ต้องการพลังงานเข้าสู่ร่างกายเพื่อกลับมาทำงานใหม่อีกครั้งอย่างกระชุ่มกระชวย... หลับตาสูดหายใจลึกๆและไปกันค่ะ จำได้ว่าฉันและลูกทีมคือคุณแม่เริ่มจากซอยบ้านของเราเรื่อยไประยะเพียง 5 กิโลเมตร (ไป-กลับ ที่กะเกณฑ์กันไว้ แฮะๆ) โดยเลือกการปั่นจักรยาน เพราะมันอาจเรียกว่าเป็นพาหนะสำหรับชีวิตประจำวันของเราก็ว่าได้คือปั่นจักรยานไประแวกบ้านเพื่อซื้อของ ไปตลาด ไปพบปะเพื่อนบ้าน และออกกำลังขาแบบจริงจัง แต่วันนี้เรานัดไปปั่นเพราะต้องซ้อมเพื่องานปั่นจักรยานที่จังหวัดระยะทางก็ไกลพอสมควร ดังนั้นจึงต้องซ้อมเพิ่มนิดหน่อย โดยเส้นทางเดิมเพิ่มเติมคือถ่ายรูปเล่นและแวะรายทางเรียกว่าชิลๆ เพื่อความบันเทิง ฉะนั้นขอแชร์บรรยากาศเรียบๆ ง่ายนี้แต่มันก็ประทับใจได้ระดับนึง เอาสิเพลินยาวไปคิดว่าไป-กลับ 5 กิโล แต่ไปๆ มาๆ มันคือ 10 กิโลเพราะเราเพลิน ฮ่าฮ่า มาด่านแรกจากจุดเอาฤกษ์เอาชัย มองไปเบื้องหน้าแหงนคอขึ้นเล็กน้อยพบกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีขาวท่ามกลางต้นไม้พอสวยงามร่มรื่นชื่อ “วัดไม้รวก “ "วัดไม้รวก ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2323 เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งสันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ตามประวัติที่อ่านเจอนี้ บวก ลบ คูณ หาร ก็ร่วม 240 ปี ซึ่งเก่าแก่มากและ อ.บ้านนา มีโบสถ์ ที่ฉันขี่จักรยานผ่านบ่อยๆ และก็มองว่าสวยดีแต่พอค้นประวัติก็อึ้งอยู่ว่าพวกเขาอยู่มาร่วม 300 ปี แหนะ นับว่าเป็นเส้นทางสำรวจที่น่าสนใจมาก ไว้มีโอกาสต้องค้นหาประวัติศาสตร์แนวนี้และถ่ายรูปในรายละเอียดมาอวดกัน เอาเป็นว่าเวอร์ชั่นการบูรณะปัจจุบันตามรูปที่ถ่ายมาเลย เป็นวัดท้ายซอยที่มีการสร้างบูรณะขึ้นหลายปีก่อนทั้งโบสถ์และพระพุทธรูปขนาดใหญ่สีขาวนี้ เป็นจุดที่สักการะก่อนเริ่มต้นปั่นเอาฤกษ์เอาชัยต่อไปเพื่อเข้าสู่ถนนเล็กๆ เลาะริมคลองส่วนโค้งถนนนี้เราจะเห็นซอยที่มีป้ายว่าคอกช้างโบราณ (แต่ไม่มีช้างนะ) และลึกเข้าไปมีเขื่อนเล็ก ๆ แต่ทริปนี้ขอ Skip ไปก่อนเพราะขอแนะนำเส้นทางจากซอยที่ส่งผ่านจากถนนหลักไปอีกฝากฝั่งแต่แฝงด้วยทุ่งนาธรรมชาติตามมาเลย ….. ถนนปั่นเพลิดเพลินสองข้างทางเป็นทุ่งนาเรียกว่า”เส้นมาบช้าง “ ในส่วนถนนนี้ถ้ามุ่งหน้าไปเรื่อยๆ หรือแอบแวะถ่ายรูปดูต้นไม้ใบหญ้าก็ยังมีเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกในขากลับซึ่งฉันและแม่จะตั้งจุดหมายไว้ที่สุดทางออกถนนใหญ่ไปเจอปั้ม ปตท. และปั่นจักรยานตามเส้นทางเดิมกลับมาทันพระอาทิตย์ตกแสงสีทองรำไรพอดีที่ 2 ชม.นิดๆถ้าไม่เร่งปั่นมาก เอิ่มลืมไปก่อนถึงทางออกสู่ปั้ม ปตท. ปากทางสู่ถนนใหญ่เส้นสุวรรณศรเส้นนี้ไปสู่ตัวเมืองนครนายกได้ในระยะทางประมาณ 17 กม. โดยก่อนถึงหน้าถนนใหญ่ปากซอยปั๊มนี้ จะมีรีสอร์ทและร้านอาหาร ร้านกาแฟ และจุดชมวิวแบบนั่งชมทุ่งชมธรรมชาติหลายแห่งในส่วนนี้ไว้จะมารีวิวอัพเดทอีกครั้ง โดยนำรูปก่อนออกสู่ถนนใหญ่มาให้ชมพอให้เป็นแหล่งที่น่าจะมาเที่ยวพักผ่อนโดยวันนี้เราใช้เส้นทางจักรยานนีเป้นเส้นทาง survey ไว้คราวหน้า จุดสะพานเดินชมทุ่งนา “บ้านควายสอนคน” รีสอร์ทและร้านกาแฟเล็กๆ สองข้างทาง แถมกันด้วยความงามของทุ่งดอกถั่วบราซิลเหลืองอร่ามที่ปลูกไว้เป็นพืชคลุมดินเพื่อปรับสภาพดินในการเพาะปลูกต่อไปสวยงามมากมีอยู่หลายทุ่งนาที่ชาวบ้านปลูกบางแห่งขึ้นสูงกว่าตัวเราเดินเข้าไปสัมผัสแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกคล้ายเราถูกโอบล้อมโอบอุ้มด้วยพืชที่ช่วยเราพลิกดินให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่จะออกดอกเหลืองอร่ามเป็นช่วงๆ เมื่อทำการฟื้นฟูดิน หวังว่าเส้นทางจักรยานระยะสั้นๆแต่เต็มอิ่มแบบสัมผัสบรรยากาศและกลิ่นอายชนบทนี้จะพลิกชีวิตชีวาและเติมพลังงานให้คุณได้อย่างดีในเส้นทางปั่นจักรยานสั้นๆ แต่เติมเต็ม ปล. เส้นทางสั่นๆ เพลินๆ นี้เราใช้วอร์มอัพก่อนลงปั่นจักรยาน 10 -20 โลมาแล้วนะ ปล. อีกครั้งคุณแม่เรา 73 ขวบเองจ้า เห็นมั้ย Energy สุดๆ ไปเลย วัดระยะทางจากจุดเริ่มต้น ซอยเทศบาล 1 หมู่ 2 (ถนนสุวรรณศรด้านหนึ่งจุดเริ่มต้นสู่อีกด้านหนึ่งปลายทาง) เครดิตภาพทั้งหมด โดยผู้เขียน