อื่นๆ

ฉันจะเป็นครู

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ฉันจะเป็นครู

ฉันจะเป็นครู

ย้อนไป เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผมเป็นเด็กคนหนึ่งที่ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อนำผักที่แม่เตรียมใส่ถุงไว้พร้อมกับกระปุกเงินเหรียญที่มีเงินอยู่ประมาณ 30 บาท จากนั้นผมก็จะเดินไปขอติดรถของอาเพื่อนำผักไปขายที่ตลาดเช้าในตัวอำเภอซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากบ้านของผม ถึงผู้คนในตลาดจะเดินขวักไขว่เสียงดังวุ่นวายขนาดไหน ก็ไม่ทำให้ผมหายง่วงได้ จนมีเผลอแอบหลับบ้าง

ภาพตลาดขายผัก

ภาพประกอบจาก http://oknation.nationtv.tv/blog/yamkrub/2014/09/23/entry-1

แต่พอเวลา 06.00 น.ผมก็ต้องรีบกลับบ้านเพื่อมาอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน และในทุก ๆ เช้าก่อนไปโรงเรียนก็จะมีอาหารสุดอร่อยของแม่ที่เตรียมไว้ให้ ซึ่งอาหารทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเมนูที่มีส่วนผสมหลักคือผักที่แม่ปลูกไว้นั้นเอง แม่ผมเตรียมห่อข้าวพร้อมกับผัดผักบุ้งที่ผมชอบให้เพื่อเป็นอาหารมื้อเที่ยงที่โรงเรียน ผมเดินออกจากบ้านเพื่อไปโรงเรียนซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านของผม เมื่อไปถึงโรงเรียนในทุกเช้าผมก็อดกลืนน้ำลายไม่ไหวเพราะเพื่อนแต่ละคนมีขนมนั่งกินล้อมวงกันอย่างมีความสุข ผมได้แต่กลืนน้ำลายแล้วเดินไปหลังตึกเพื่อดื่มน้ำจากก๊อกน้ำเพื่อคลายความหิวได้บ้าง ในช่วงพักเที่ยงของแต่ละวันในขณะที่เพื่อนๆวิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข ผมกลับต้องนั่งจำชื่อผักที่แม่ปลูกเพื่อจะได้บอกลูกค้าถูกว่า ผักชนิดนั้นคือผักอะไร หลังเรียนสิ่งที่ผมต้องทำคือการเดินปลีกตัวออกจากเพื่อนคนอื่นที่เดินกลับบ้าน ผมเลือกเดินไปอีกหนึ่งเส้นทางคือทางไปสวนผักของแม่ เพื่อรดน้ำผักและเก็บผักเพื่อเตรียมขายในเช้าวันถัดไป เมื่อมาถึงบ้าน ผมก็จะมานั่งทำการบ้านเพื่อรอแม่ทำกับข้าวให้ทาน ถ้าวันไหนที่ทำการบ้านเสร็จเร็วหน่อย ผมก็จะเดินไปช่วยแม่ทำกับข้าวเสมอ 20.00 น. ผมต้องนอนเพราะในเช้ามืดวันถัดไป ผมมีภาระกิจที่ยิ่งใหญ่คือการนำผักที่แม่เตรียมไว้ไปขายที่ตลาดเช้า ผมทำแบบนี้มาเป็นประจำจนไม่อายที่จะพูดว่า ซื้อผักไหมครับ ผักปลอดสารครับ เป็นคำพูดที่ผมพูดจนติดปาก วันนั้นผมขายผักได้เงินกลับบ้านจำนวน 120 บาท ผมยิ้มจนหน้าบาน เมื่อกลับถึงบ้านคำพูดของแม่คือ ลูกแม่เก่งมากขายผักหมดด้วย พอแม่พูดจบ ผมก็ได้ค่าขนมจากแม่ 10 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ผมคิดว่า มันช่างเยอะมากสำหรับเด็กคนหนึ่ง

Advertisement

Advertisement

สวนผักในปัจจุบัน

ภาพประกอบจาก ผู้เขียน

แม่จะชอบพูดเสมอว่า ถึงเราจะจน แต่เราอย่าจนความพยายาม จงดิ้นรนเพื่อเอาชนะความจน นี้คือสิ่งที่แม่พูดกับผมเสมอ ผมเคยบอกแม่ในตอนเด็กว่า แม่ครับโตขึ้นหนูอยากเป็นครูจัง แม่มองหน้าผมแล้วยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร จนวันนี้ที่ผมไปเล่นกับเพื่อนที่บ้าน ผมกับเพื่อก็คุยกันเรื่องโตขึ้นอยากเป็นอะไร ผมตอบเพื่อนผมไปว่า เราอยากเป็นครู จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะ แล้วมีเสียงของคนหนึ่งซึ่งทำให้ผมจดจำเสมอ ที่ว่า “จนขนาดนั้นจะเรียนครูได้เหรอ จะเอาเงินไหนเรียน” พอได้ยินประโยคนั้น ผมรีบวิ่งกลับมาที่บ้านของผม แล้วไปเปิดกระปุกออมสินเพื่อนับเงินในกระปุกว่าจะมีพอเรียนครูไหม ตอนนั้นผมจำได้ว่าผมมีเงินในกระปุก 25 บาท ผมยิ้มแล้วคิดในใจว่าถ้าเราเก็บวันละ 5 บาท เราจะมีเงินแน่นอน นั้นมันคงเป็นความคิดของเด็กในตอนนั้นที่อยากเป็นครู ผมเชื่อว่านี้คือแรงผลักดันที่ทำให้ผมต้องสู้

Advertisement

Advertisement

สวนผักในปัจจุบัน

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ฝากติดตามในตอนที่สองด้วยนะครับ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์