อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งของโลก กล่าวไว้ว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ (lmagination is more important than knowledge) เมื่ออาจารย์นำคำพูดนี้มาพิจารณาในฐานะผู้ปฏิบัติธรรม คำว่าจินตนาการในที่นี้ก็ไม่ใช่การนึกคิดปรุงแต่งฟุ้งซ่านจินตนาการน่าจะเปรียบเทียบเหมือนฉันทะในที่ 4 คือศรัทธาเชื่อมั่นในสิ่งที่ควรเชื่อเมื่อเรามีศรัทธาเชื่อมั่นในสิ่งใดแล้วเราก็จะตั้งใจมุ่งมั่นและพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นerwin nowak จาก Pixabay" />เครดิตรูปภาพ erwin nowak จาก Pixabay">Pixabayในแง่ของวิปัสสนากรรมฐาน อาจารย์พิจารณาว่าจินตนาการ คือศรัทธาความเชื่อมั่นว่าธรรมชาติของจิตเป็นประภัสสร บริสุทธิ์ ผ่องใส โดยธรรมชาติอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะขี้โกรธขี้โกรธ ขี้เกียจ ขี้ฟุ้งซ่าน ขี้น้อยใจ ขี้อิจฉา เป็นอาคันตุกะทุกที่เพียงแต่ผ่านมาไม่ใช่ว่าความเศร้าหมองเข้ามาเกาะติด ฝังแน่นในใจ อารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้นแล้วดับไป ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาSweetMellowChill จาก Pixabay" />เครดิตรูปภาพ SweetMellowChill จาก Pixabay">Pixabayให้เรามีจินตนาการคือกำหนดจิตไว้ว่าธรรมชาติของจิตบริสุทธิ์ ผ่องใส สงบสุข แล้วกำหนดรู้เท่าทันอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนี้เป็นปฏิกูลทางจิตใจ เราห้ามไม่ให้เกิดขึ้นไม่ได้เหมือนปฏิกูลทางร่างกายกินอาหารเข้าไปแล้วก็ต้องขับถ่ายของเสียออกมาเป็นธรรมชาติเมื่อขับถ่ายแล้วเราก็รีบทำความสะอาดไม่เก็บทิ้งไว้ให้เหม็นปฏิกูลทางจิตใจก็เหมือนกันเมื่อรับรู้ทางตาได้ยินทางหูมีอารมณ์ต่างๆเกิดขึ้นเราก็ไม่ต้องห้ามเกิดขึ้นแล้วหน้าที่ของเราคือกำหนดรู้แล้วปล่อยวางดูแล้วก็ปล่อยไม่ยึดถือมั่นอารมณ์พอใจไม่พอใจยินดียินร้ายอารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาpasja1000 จาก Pixabay" />เครดิตรูปภาพ pasja1000 จาก Pixabay">Pixabayเพลงเป็นอารมณ์วิปัสสนาคืออนิจจังเกิดขึ้นและดับไปหากเปรียบเทียบความรู้คือสัญญาความจำที่เกิดจากการได้ยินได้ฟังเช่นฟังเทศน์อ่านพระไตรปิฎกเรียนอภิธรรมเหล่านี้เป็นปัญญาความรอบรู้ในระดับต่ำอายะปัญญาแต่จินตนาการในอารมณ์วิปัสสนากรรมฐานก็เป็นปัญญาระดับสูงคือภาวนามยปัญญาเป็นปัญญาเพื่อความพ้นทุกข์ความรู้แจ้งเห็นจริงใน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาผลงานของไอน์สไตน์ในสาขาฟิสิกส์มีมากมายทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ซึ่งนำกลศาสตร์มาประยุกต์รวมกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับแรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นไปตาม equivalence principleวางรากฐานของจักรวาลเชิงสัมพัทธ์ และค่าคงที่จักรวาลขยายแนวความคิดยุคหลังนิวตัน สามารถอธิบายจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดของดาวพุธได้อย่างลึกซึ้งทำนายการหักเหของแสงอันเนื่องมาจากแรงโน้มถ่วงและเลนส์ความโน้มถ่วงอธิบายการเกิดปรากฏการณ์ของแรงยกตัวริเริ่มทฤษฎีการแกว่งตัวอย่างกระจายซึ่งอธิบายการเคลื่อนที่ของบราวน์ของโมเลกุลทฤษฎีโฟตอนกับความเกี่ยวพันระหว่างคลื่น-อนุภาค ซึ่งพัฒนาจากคุณสมบัติอุณหพลศาสตร์ของแสงทฤษฎีควอนตัมเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของอะตอมในของแข็งZero-point energyอธิบายรูปแบบย่อยของสมการของชเรอดิงเงอร์EPR paradoxริเริ่มโครงการทฤษฎีแรงเอกภาพเขียนโดย THIKAN_Pขอบคุณภาพจาก Pixabay