รูปแบบของศิลปะประเภทจิตรกรรมนั้น ช่างเขียนโดยส่วนใหญ่แล้วจะวาดเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของคนทั่วไปในสมัยในสมัยของผู้เขียนเป็นหลัก เพราะเหตุว่าเป็นงานเขียนที่ง่ายและออกจากความคิดได้อยู่ตลอดเวลาเพราะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของตัวผู้เขียนเองและของผู้คนในสังคมในสมัยนั้น ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ที่ช่างเขียนภาพได้ถ่ายทอดออกมาเป็นวิจิตรศิลป์ เป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์รูปแบบหนึ่งที่สามารถบอกได้ว่าในช่วงเวลานั้นมีเหตุการณ์อะไรอะไรบ้าง และบอกเล่าถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคมในสมัยของช่างเขียนเองภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง วิถีชีวิตของพระภิกษุสมัยอดีต ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดบวรนิเวศวิหาร ผ่านการบูรณะแล้ว ในบริบทของภาพเขียนหรือจิตรกรรมฝาผนังที่เราเห็นอยู่ตามวัด หรือตามสถานที่สำคัญที่เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยส่วนมากแล้วช่างเขียนภาพจะบอกเรื่องราวต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นถึงสังคมรูปแบบวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในสมัยนั้น ๆ เช่น ในกรณีที่บ้านเมืองเกิดศึกสงคราม การแสดงออกทางภาพเขียนในจิตรกรรมฝาผนังก็จะแสดงถึงการรบราฆ่าฟัน และการจัดกระบวนทัพ ในยามที่บ้านเมืองสงบภาพที่แสดงออกมา เช่น การทำบุญ การละเล่นต่าง ๆ ของเด็ก ๆ การดำนาเกี่ยวข้าว หรือการรวมกลุ่มกันร้องเพลงในเทศกาลต่าง ๆ ภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงถึงขอบเขตของพื้นที่ เขตพระราชวัง เขตหมู่บ้าน ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดบวรนิเวศวิหาร ผ่านการบูรณะแล้ว นอกจากเหตุการณ์ที่เกินขึ้นในแต่ละช่วงเวลาที่แสดงออกผ่านจิตรกรรมฝาผนังแล้ว ในด้านคติความเชื่อทางศาสนาก็มีให้พบเห็น โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ส่วนมากจะเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติและที่สำคัญคือปรากฏทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย การที่พบภาพวาดที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนานี้ทำให้รู้ได้ว่า ผู้คนโดยส่วนมากในประเทศไทยและในระดับท้องถิ่นพื้นบ้านนับถือพระพุทธศาสนา ถือได้ว่าเป็นข้อมูลหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับวิถีชุมชน คติความเชือทางพระพุทธศาสนา เป็นบริบทที่ช่างศิลป์นิยมถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราวในรูปแบบของจิตรกรรม ภาพจิตรกรรมฝาผนังโลหะปราสาท (วัดราชนัดดารามวรวิหาร) ชั้นล้าง อีกสิ่งหนึ่งที่ที่จิตรกรรมฝาหนังบอกกับเราก็คือ รายละเอียดต่าง ๆ อย่างเช่น เสื้อผ้าอาภรณ์ต่าง ๆ อย่างเช่นการสวมจีวรลายดอกของพระภิกษุ ทำให้ผู้ศึกษารู้ถึงอายุสมัย ของภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังนี้วาดในสมัยรัชการที่ 3 ภาพวาดที่เกี่ยวข้องกับสงคราม ภาพเหล่านี้จะให้รายละเอียดที่เยอะมาก อย่างเช่น เสื้อเกราะที่ทหารสวมใส่เป็นแบบใด เป็นของไทยแท้ หรือได้รับอิทธิพลมาจากเมืองจีน ลักษณะและรูปแบบของอาวุธที่ใช้ กลวิธีในการจัดกระบวนทัพ ตลอดจนกลยุทธ์ต่าง ๆ รวมทั้งกระบวนท่าในศิลปะการต่อสู้ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นตั้น ในบรรดาเรื่องราวต่าง ๆ ที่สะท้อนผ่านทางจิตรกรรมฝาผนังนี้ อย่างไรเสียก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของหลักฐานทางประวัติศาสตร์เท่านั้น ซึ่งการศึกษาประวัติศาสตร์นั้นจะต้องอ้างอิงจากเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรอีกด้วย กล่าวคือ การศึกษาเอกสารชั้นต้นหรือเอกสารโบราณที่ถูกเขียนขึ้นในยุคสมัยนั้นๆ และเอกสารชั้นรองที่เขียนโดยนักวิชาการต่าง ๆ ซึ่งมีบทสรุปของเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว โดยให้เรานำไปวิเคราะห์และต่อยอด ทั้งหมดทั้ง 3 นี้เป็นสิ่งที่ควรจะเอามาประกอบการในการศึกษาทางด้านวิชาการทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ในขณะเดียวกันนั้นจิตรกรรมฝาผนังในบางที่ ก็ยังมีลายลักษณ์อักษรโบราณให้เห็นกันอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิชาการหรือนักวิจัยต้องการเป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะได้หลักฐานที่เป็นภาพแล้วยังมีเอกสารชั้นต้นก็คือลายลักษณ์อักษรโบราณให้นำมาวิเคราะห์ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์อีกด้วย และทำให้การวิเคราะห์นั้นง่ายขึ้น ภาพถ่ายโดย พงษธร อิ่มอุดม ผู้เขียนบทความที่มาของภาพ 1. ภาพหน้าปก ที่มา จิตรกรรมฝาผนังวัดบวรนิเวศวิหาร 2. ภาพที่ 1 และ 2 ที่มา ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดบวรนิเวศวิหาร ผ่านการบูรณะแล้ว 3. ภาพที่ 3 ที่มา ภาพจิตรกรรมฝาผนังโลหะปราสาท (วัดราชนัดดารามวรวิหาร) ชั้นล้าง