สถานที่ที่เรากลับไปอีกครั้ง เรามักจะรู้สึกแตกต่างกันออกไป และหลายๆ ครั้ง เราก็คาดเดาความรู้สึกของตนเองไม่ได้ ฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศของสถานที่นั้นๆ การได้กลับไปที่ที่เคยมา มันจึงส่งผลต่อความคิด ความฝัน และจินตนาการของฉัน ฉันมองไปที่ดอยหลวงเชียงดาวที่ฉันเคยแอบมองมัน ณ จุดนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว แต่ครั้งนี้ฉันจะไปต่อ ฉันจะไป "เมืองคอง" เมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความสดของธรรมชาติ เรื่องเล่าของเมืองคองทำให้ฉันสนใจ และเมื่อมาเชียงใหม่แล้วก็มีโอกาส ฉันจึงไม่ลังเลที่จะมาสักครั้ง ฉันออกจากสนามบินเชียงใหม่ในยามบ่ายแก่ๆ และเดินทางด้วยรถตู้ไป ดังนั้นเมื่อมาถึงเชียงดาวก็ใกล้ค่ำแล้ว รถตู้แวะบ้านของพี่คนหนึ่งที่มาด้วยกัน และเราก็เดินทางกันต่อไปในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ความมืดทำให้ฉันที่นั่งอยู่ส่วนท้ายของรถมองไม่เห็นถนนหนทางที่ขึ้นเขา แต่ก็สัมผัสได้ถึงความสูง และหนทางที่หวาดเสียว ฉันมาถึงที่พักในยามค่ำแล้ว ที่นี่มืดมาก ซึ่งจากคำบอกเล่าของผู้ร่วมเดินทางก็ทราบว่า ไฟฟ้าที่นี่ดับเป็นเรื่องปกติ และดับทีนานน่าดู ทุกคนจึงลุ้นกันขออย่าให้ไฟดับ เมื่อทักทายพูดคุยกับเจ้าของที่พัก เราได้ข้อมูลว่า หลายวันก่อนไฟฟ้าดับ แต่พวกเราก็โชคดีที่มาหลังจากที่ไฟฟ้าใช้ได้แล้วก่อนหน้าเรามาไม่นาน ด้วยความเหนื่อยกับการเดินทางฉันก็เข้าห้องหลับไปในทันทีที่หัวอยู่บนหมอน ยามเช้าฉันได้ออกมารับอากาศยามเช้า พระอาทิตย์ขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในเส้นขอบฟ้า ฉันนั่งชมมันได้พักเดียว ก็ทนไม่ได้ที่จะต้องลุกขึ้นไป ตรงไปสุดรั้วเพื่อที่จะได้ใกล้มันที่สุด รั้วไม้ไผ่แบบง่ายๆ ซึ่งน่าจะเป็นงานชาวบ้าน ที่ไม่ได้เป็นเส้นตรงอะไร มองไปเห็นวัวเดินกินหญ้าอยู่ห่างออกไปใกล้ลุ่มน้ำ ผิวน้ำมีแสงสะท้อนจากพระอาทิตย์ที่ดูเหมือนไม่ห่างจากกัน ฉันเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านใกล้ๆ นั้น ด้านบนเป็นระเบียงที่มองวิวนี้ได้ชัดเจนขึ้น ความสูงทำให้ฉันได้มองเห็นประกายของน้ำชัดเจนขึ้น สายลมอ่อนๆ ช่วยกล่อมให้ฉันคิดออกไปเดินในหมู่บ้าน แต่แล้วฉันก็ไปได้เพียงละแวกๆ ใกล้ๆ เท่านั้น เพราะคณะที่ฉันมาด้วยกำลังจะเข้าไปในหมู่บ้านที่อยู่ห่างออกไป หมู่บ้านที่คณะฉันไปทุกคนเป็นชาวลีซู ชาวบ้านที่นี่หลายคนถูกยึดที่ดินทำกันที่คิดว่าบรรพบุรุษเป็นเจ้าของ แต่กฎหมายกลับบอกว่า 'ไม่ใช่' ฉันและคณะคนอื่นๆ รับรู้ถึงความเหนื่อยล้าของชาวบ้าน พวกเราคุยเรื่องเครียดกันนิดหน่อย ก่อนที่จะหาคำตอบว่า 'เราจะสุขกันได้อย่างไร' หลายๆ อย่างทำให้พวกเราเป็นทุกข์แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องจำจดจำต้องทำมันตลอดเวลา ท้องฟ้า พื้นดิน พื้นน้ำที่เราอยู่ยังส่งต่อมรดกแห่งความสุขให้แก่เราได้ทุกวันเมื่อเราออกมารับรู้ถึงธรรมชาติรอบตัวเรา... ความสุขที่ได้เห็นต้นข้าวจากสีเขียวกลายเป็นสีทอง และสุดท้ายได้เอามากลายเป็นอาหารให้อิ่มท้อง เป็นขนมยามว่าง เป็นความสุขที่ฉันได้สัมผัสมันในเวลาระยะหนึ่งที่นี่ หลายครั้งที่ฝนตกมาพร้อมกับความหนาวจนเหมือนธรรมชาติรังแกฉัน เพราะการไม่ได้เตรียมตัวมารับความหนาวเย็น ทำให้บางครั้งมันก็ไม่สนุกนะเมื่อมาเจออากาศแบบนี้ ฉันเดินไปในหมู่บ้านหลายครั้ง ฉันเห็นถึงความเป็นชุมชน บ้านชาวบ้านเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ เลี้ยงวัวกัน รอบๆ มีผัก มีสมุนไพรขึ้นตามรั้ว ตามริมทางเดิน ถนนสีแดงที่รอบล้อมไปด้วยทุ่งข้าวสีเขียวร่ายมนต์ให้ฉันฮัมเพลงเบาๆ ในใจ และมองไปรอบๆ ฉันเดินอยู่ในชุมชนจนไปถึงบ้านที่จะเลี้ยงอาหารกลางวัน อาหารบ้านๆ ที่เห็นได้ชัดว่า พวกเขาพยายามทำเอาใจแขกอย่างเรา ฉันอยากบอกเขาเหลือเกินว่า อยากกินแบบพวกเขา แต่ฉันก็กินมันหมดไม่มีเหลือเลยทีเดียว หลังเที่ยงเหมือนกับว่า ฝนกำลังจะรวมพลกันตกลงมา และก็จริงอย่างที่คิด ฝนตกหนักอยู่นานจนเราไม่สามารถไปไหนกันได้ แต่เมื่อฝนหยุด อากาศก็สบายขึ้นไม่ร้อน ไม่หนาว เราพูดคุยกับชาวบ้านที่เดินเข้าเดินออก แวะมาพูดคุยกัน และเมื่อมีจังหวะเขาก็จะออกไปจัดการงานการของพวกเขา ชาวบ้านที่นี่พูดภาษาไทยได้ไม่กี่คน แต่เราก็มีนักเรียนชาวลีซูที่เรียนอยู่ที่เชียงดาว มาร่วมพูดคุยด้วยกัน ภาษาจีนเป็นภาษาหนึ่งที่ที่นี่เรียนกัน หลายคนใช้ในการสื่อสารเพื่อการทำการค้า โรงเรียนสอนภาษาจีนของที่นี่จึงเป็นศูนย์รวมของการจัดกิจกรรมในชุมชน ครูสอนภาษาจีนมีความใกล้ชิดกับชุมชน และที่นี่เป็นเหมือนพื้นที่ส่วนกลางที่นัดหมายมาพบเจอกันการพูดคุยของแต่ละวันจบลงไป ฉันก็ได้มีโอกาสเดินทอดน่องไปรอบๆ ที่พัก ฉันพบว่า ที่นี่มีที่พักสวยๆ อยู่ ทั้งที่ที่ฉันนอน และก็ห่างออกไปก็เป็นที่พักกลางทุ่งนาที่ออกแบบมาอย่างงดงาม และทำจากไม้ไผ่ วิวสวยๆ มีอยู่มากมายจริงๆ แต่เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ฉันก็ต้องรีบกลับที่พักเพราะ ที่นี่ไม่มีไฟถนน ความมืดทำให้ฉันต้องหวั่นกับสิ่งที่ฉันมองไม่เห็น... กลางคืนที่นี่เงียบมาก ฉันได้ยินเสียงแมลงรอบๆ ที่พัก ฉันออกมานั่งรับลมกลางคืนที่วนอยู่รอบๆ ตัวฉัน ความเย็นที่ทำให้ร่างกายสบายๆ แสงไฟที่ไกลออกไป ทำให้ฉันรู้สึกส่วนตัว สงบจนมีเวลาได้คิดถึงตัวเอง และมองไปข้างหน้าว่า "ฉันจะทำอย่างไรต่อไป" ฉันทิ้งความทุกข์ที่ผ่านมา และบอกกับตัวเองว่า ห่างออกไป จะถึงเวลาของฉัน และมันจะทำให้ฉันได้เป็นตัวเอง ทำในสิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุข ไม่เสียใจที่ทำ และไม่เสียดายที่ไม่ได้ทำ เสียงฝนยามนอนทำให้ฉัน รู้สึกถึงความไม่สงบในจิตใจ ฉันหลับไปแล้ว แต่ก็มีบางอย่างทำให้ตื่นขึ้นมาในความมืด และรับรู้ถึงฝนที่ตกอยู่ภายนอก ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ที่ตอนนี้ทุกอย่างมืดสนิท แสงไฟที่ไกลออกไปได้หายไปแล้ว ฉันลังเลที่จะเปิดไฟ และก็บอกกับตัวเองว่า การเปิดไฟก็ไม่ได้ทำให้ฉันสงบลงไปได้ ฉันนอนอยู่ที่เดิม และก็เริ่มคิดอะไรไปเรื่อยเปี่อยจนฉันรู้ว่า ฉันคงไม่อาจหลับต่อไปได้ ฉันลุกขึ้นมา เดินออกไปนั่งเก้าอี้หน้าบ้านที่ฉันพัก ฉันได้ยินเสียงลมเบาๆ ที่บอกฉันให้สงบใจ และเริ่มรับรู้ถึงธรรมชาติที่อยู่รอบตัว และร้องประสานอย่างเสียงดนตรีเครื่องเป่าเบาๆ จนฉันหลับลงไปอีกที ฉันตื่นขึ้นมายามเช้าบนที่นอนของฉันเอง ฉันงงบ้างที่ฉันจำได้ว่า ฉันหลับบนเก้าอี้หน้าบ้านนี่นา แต่เมื่อทบทวนอีกทีฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่า ฉันได้เดินกลับเข้าไปในห้อง ด้วยความรู้สึกหนาวจับใจในช่วงเวลาที่ฝนหยุดตกแล้ว และอยู่ในเวลาเช้ามืด ที่นี่หุงข้าวด้วยเตาถ่าน ความหอมของข้าวจึงต่างกับหม้อหุงข้าวไฟฟ้าทีบ้านของฉัน กลิ่นของมันทำให้ฉันเจริญอาหารจนเกินความพอดี ความตึงของท้องทำให้ฉันง่วงหงาวหาวนอนเป็นพักๆ ขณะรอรถเข้าหมู่บ้าน ฉันรู้ว่า วันนี้ฉันต้องใช้พลังงานให้เต็มที่ ให้มันสมกับข้าวที่ฉันกินไป และเพื่อไม่ให้อากาศลมเย็นๆ จะทำให้ฉันหลับในตอนกลางวัน และแล้วก็ถึงเวลาที่ฉันจะต้องเดินทางกลับ ซึ่งฉันคนเดียวเท่านั้นที่จะต้องกลับก่อนใครๆ ชาวบ้านที่นี่ใจดีฝากฉันไปกับรถของลูกจ้างที่จะพาภรรยาไปหาหมอที่เชียงดาว ฉันได้อาศัยรถด้วยการนั่งหน้าข้างคนขับ และฉันก็ได้เห็น ได้รับรู้ถึงเส้นทางที่แท้จริง ว่า "การมาที่นี่จะต้องมีความชำนาญเส้นทาง ถนนมากพอสมควรเลยทีเดียว" แต่ฉันจะต้องกลับมาที่นี่อีกให้จงได้ ...