จุดเริ่มต้นของการเรียน รด.(นักศึกษาวิชาทหาร)เป็นผู้หญิงจะเรียนไปทำไมเรียนแล้วได้อะไรจากที่ผ่านๆ มาหลายๆ คนอาจจะเกิดคำถามกับตัวเองว่าเป็นผู้หญิงจะเรียน รด.ไปทำไมกันแล้วหลังจากที่เรียนไปแล้วนั้นได้อะไรจากการเรียนวันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยให้กับทุกคนเองจ้า จุดเริ่มต้นการเรียน รด.ของเรานั้นเริ่มมาจากการที่เพื่อนสนิทของเราอยากเรียน รด.มากๆแต่ว่าไม่มีเพื่อนไปเรียนด้วยก็เลยมาชวนเราให้ไปเรียนเป็นเพื่อนหน่อยเราก็เลยยอมใจอ่อนไปเรียนด้วย ก่อนอื่นเราต้องขอบอกตรงนี้ก่อนเลยว่าโรงเรียนของเรานั้นเป็นโรงเรียนต่างจังหวัดเล็กๆ เราจะเรียนกันในช่วงเวลาของการปิดเทอมเล็กนั้นก็คือช่วงเดือนตุลาคมเราจะไม่ได้เรียนในช่วงเวลาเปิดเทอมเหมือนกับโรงเรียนใหญ่ๆ ในเมืองนะคะ เนื่องจากเป็นโรงเรียนเล็กๆ จึงทำให้เรานั้นต้องไปเรียนรวมกับโรงเรียนอื่นๆ ที่อยู่ในสังกัดเดียวกันก่อนจะเข้าไปเรียน รด.ได้ต้องทดสอบอะไรบ้าง?ก่อนที่จะได้เรียน รด.นั้นเราทุกๆ คนก็จะต้องผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดันพื้น การซิทอัพ และการวิ่ง โดยที่นักศึกษาหญิง ลุกนั่ง 25 ครั้ง ใน 2 นาที ดันพื้น 15 ครั้ง ใน 2 นาที วิ่ง 800 เมตร ใน 4 นาที ทั้งนี้การทดสอบจะแบ่ง แยกการทดสอบระหว่าง ผู้หญิงกับผู้ชายนะคะ (ส่วนตัวของเราเองนั้นตอนที่ทดสอบก็ผ่านทุกอย่างพอถึงวันประการผลสรุปว่า เราติดเป็นตัวสำรองนะคะทุกคนแต่ว่าสุดท้ายเราก็ได้เรียน)ปี1 ถึง ปี5 ในแต่ละปีต้องเรียนและพบกับอะไรบ้าง ?มาเริ่มกันที่ ตอนปี1 กันก่อนเลยนะคะตอนปี1 ส่วนตัวเราเองคิดว่าเป็นปีที่แอบเหนื่อยอยู่นะเพราะว่าเป็นปีแรกของการเริ่มต้นเรียน รด.เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเราจะต้องเรียนอะไรบ้าง ต้องทำและต้องเจอกับอะไรบ้าง ที่สำคัญเราเราในช่วงเดือนตุลาคมซึงเป็นช่วงที่ถือว่ามีอาการร้อนและแดดแรงมากๆ น้องจากนั้นบ้างวันก็มีฝนตกซึ่งแน่นอนค่ะการที่มีฝนตกทำให้เวลาเราโดนลงโทษเราก็จะมีความเลอะและเปรอะเปื้อนมากๆ นอกจากนั้นเรายังมีอุปสรรคต่างๆ ในการฝึกอีก ไม่ว่าจะเป็นโดนรองเท้ากัด(ส่วนตัวเราโดนกัดตั้งแต่ปี1จนถึงปี5กันเลยทีเดี่ยว) แต่ขอแอบกระซิบทุกคนหน่อยนะคะว่าในช่วงแรกๆ ที่เราเริ่มฝึกนั้นเราจะยังไม่ได้ใส่ชุด รด.ฝึกนะคะ (ชุดสีเขียว) ซึ่งการแต่งการในช่วงแรกๆของเราทางครูฝึกจะให้เราใส่ชุดพละของทางโรงเรียนตัวเองสลับกับใส่กางเกงพละคู่กับเสื้อซับในสีเขียวของ รด. ส่วนในเรื่องของการฝึกนั้นปี1 ก็จะมีทั้งการเรียนทฤษฎีและเรียนปฏิบัติจริงในเรื่องพื้นฐานทั่วไปของการฝึกซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการระเบียบแถวของทหาร ในส่วนตอนปี1 ของเรานั้นจะไม่มีการฝึกภาคสนามนะคะแต่ว่าจะมีการเดินทางไกลและยิงปืนใน1วันค่ะและที่สำคัญเราต้องทำการเดินสวนสนามตอนปี2 เราก็จะเรียนคล้ายๆ กับตอนปี1ในชั่วโมงแรกๆครูฝึกก็จะมีการทวนการฝึกบุคคลท่ามือเปล่าให้เราก่อนเป็นอันดับแรก มีการเรียนวิชาทหารเบื้องต้น มีการเรียนการใช้อาวุธประจำกาย การปฐมพยาบาลเบื้องต้นการทำCPR การฝึกบุคคลทำการรบ การเรียนพื้นฐานแผนที่และเข็มทิศ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วของผู้หญิงก็จะไม่ได้เข้มข้นเหมือนกับของผู้ชายนะคะผู้หญิงจะเน้นเรียนชิลๆแต่พอถึงเวลาฝึกก็จะจิงจังขึ้นมานิดหนึ่ง ส่วนภาคสนามในตอนปี2 ของเรานั้นเราเข้าค่ายทั้งหมด3วัน2คืน ในการฝึกภาคสนามของเรานั้นก็จะเป็นการฝึกคล้ายๆกับตอนเรียนเวลาจะกระชับกว่าและนี้คือจุดเริ่มต้นของการกระโดดหอสูงครั้งแรกของเราบอกได้เลยว่าส่วนตัวเราเป็นคนที่ชอบอะไรที่มันท้าทายเราเลยคิดว่าการกระโดดหอเป็นอะไรที่ตื่นเต้นและสนุกมากๆ ซึ่งในตอนปี2นี้เราต้องทำการเดินสวนสนามตอนปี3 พอขึ้นปี3เราก็จะเรียนลงลึกในเรื่องของการอ่านแผ่นที่เข็มทิศ การหาและอ่านพิกัด เรียนการซุ่มโจมตีในเวลากลางคืน เรียนการฝึกความเป็นผู้นำ และนอกจากนี้ตอนปี3 เราก็ยังหนีไม่พ้นการเดินสวนสนามนะคะซึ่งที่ผ่านมาเราเดินสวนสนามทุกปี ภาคสนามของปี3นั้นเราเข้าค่ายทั้งหมด3วัน2คืน เช่นเดิมแต่พิเศษขึ้นมานิดหนึ่งคือตอนปี3 เราได้นอนกลางเตนท์เหมือนกับผู้ชาย ปล.แต่ได้นอนไม่ถึงคืนนะเพราะฝนตกครูฝึกเลยให้ย้ายไปนอนในโรงนอนแทน ซึ่งตอนภาคสนามปี3เราก็ได้ยิงปืนเหมือนเดิมแต่ก่อนที่เราจะได้ยิงนั้นทางครูฝึกก็จะมีบททดสอบอะไรนิดๆหน่อยๆ มาทดสอบเราก่อนไม่ว่าจะเป็นการ หมอบ คลาน ตอนปี4 ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เราเข้าปี1 มหาวิทยาลัยซึ่งจะเป็นช่วงที่หลายๆ คนเริ่มเครียดแล้วว่าจะเรียนต่อดีมั้ยจะมีเวลาว่างพอไหม จะสามารถแบ่งเวลาเรียนได้หรือไม่ ในส่วนของเราเองนั้นถือว่าโชคดีมากๆ เลยที่ตอนปี4 ได้เรียนตอนช่วงปิดเทอมทำให้เรามีเวลาที่จะไปเรียน รด.ได้แต่ในช่วงนั้นเราก็จะไม่ได้กลับบ้านในช่วงปิดเทอมเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ ปี4ของเราเรียนประมาณ 15วันนะคะแล้วก็จะไปเข้าค่ายภาคสนามที่เขาชนไก่อีก4วัน ตอนเรียนเราก็เรียนปกติเลยค่ะ มีออกไปดูงานตามค่ายทหารบ้างมีอบรมบ้างแล้วก็มีการทำจิตสาอาต่างๆที่สำคัญหน่วยฝึกเราตอนปี4เรามีการจัดกีฬาสีกันด้วยเป็นอะไรที่สนุกมากๆ พอช่วงเดือนกุมภาพันธ์เราก็ไปเข้าค่ายภาคสนามที่เขาชนไก่ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเราเลยที่ได้ไปเขาชนไก่เป็นอะไรที่สนุกมากเราได้ทำกิจกรรมต่างๆมากมาย มีทั้งเดินทางไกล ยิงปืน ปีนหน้าผา บอกได้คำเดียวเลยว่าสำหรับคนที่ไปแล้วไม่ได้ทำกิจกรรมพวกนี้ถือว่าพลาดมากๆเราเริ่มออกเดินจากจุดรวมพลเพื่อเดินทางกันประมาณ 07.00นาฬิกา ออกจากป่าประมาณ 19.30 เราเดินทางกลับมาถึงที่พักก็เกือบ21.30 ระหว่างเดินทางครูฝึกก็จะมีฐานต่างๆให้เราทำ ไม่ว่าจะเป็นเดินแผ่นที่ ดูเข็มทิศ การเข้าตี การเอาตัวรอดในป่าการหุงหาอาหารรด.ยุคโควิด-19ตอนปี5 สำหรับเราแล้วช่วงปี5 เป็นอะไรที่วุ่นวายสำหรับเรามากๆเพราะว่าตรงกับช่วงโควิด-19 ทำให้ตารางเรียนมีการเปลี่ยนแปลง ช่วงเวลาเรียนถูกย้ายมาเรียนตรงกับเปิดเทอมมหาวิทยาลัยของเราพอดี ทำให้เราต้องมีการลาเรียน รด.บ้าง ลาเรียนที่มหาลัยบ้างเพื่อให้เวลาเรียนทั้งสองฝ่ายลงตัว เนื่องจากตรงกับช่วงโควิด-19 ทำให้เวลาเรียนเราต้องใส่ แมส ตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยของเราเองแต่การฝึกในปี5 ของเราก็ไม่มีอะมากส่วนใหญ่จะเป็นการออกไปดูงานนอกสถานที่(ช่วงนี้เป็นช่วงโควิด-19 แรกๆนะคะ) ส่วนภาคสนามของเรานั้นตรงกับช่วงโควิด-19 ระยะที่3 ทำให้ภาคสนามของเราถูกยกเลิกไป แต่ทาง นรด.(หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ) ก็ได้ที่การให้เราเรียนภาคสนามผ่านทางออนไลน์แทนการไปเข้าค่ายภาคสนามที่เขาชนไก่ ซึ่งส่วนตัวเราแล้วใจหนึ่งก็ดีใจที่ไม่ต้องเข้าภาคสนามให้เหนื่อย แต่อีกใจก็เสียดายที่ไม่ได้ไปเพราะเราจะไม่ได้ไปฝึก ไปใช้ชีวิตไปสนุกที่นั้นกับเพื่อนๆ ซึ่งส่วนตัวเราแล้วชอบตอนปี4 มากที่สุดเพราะได้ไปเข้าค่ายภาคสนามที่เขาชนไก่กับเพื่อนๆ ที่สำคัญเราอยากจะบอกเลยว่าไปภาคสนาม รด.ไม่ได้ลำบากและน่ากลัวอย่างที่หลายๆคนคิดเลยเพราะว่ามีขิงค่ายแถบจะทุกอย่างมีตั้งแต่ของกินจนถึงของใช้ ขอแค่เพื่อนๆเตรียมเงินไปให้พอแค่นั้นจบเพราะของอาจจะแพงหน่อย มีข้าวฟรีให้กินทุกมื้อแต่ว่าถ้าใครไม่อยากรอต่อแถวก็สามารถไปซื้อข้าวที่ร้านสวัสดิการได้แต่ต้องรีบหน่อยนะเพราะของมีจำกัด ส่วนตัวเราได้รองทั้งข้าวจากหน่วยฝึกและข้าวที่ซื้อเองเลยบอกเลยว่าข้าวของหน่วยฝึกก็ไม่ได้แย่นะ แต่เราก็เลือกที่จะซื้อกินทุกมื้อมากกว่าเพราะไม่อยากรอต่อแถวรับข้าวเราเลยเลือกที่จะซื้อกิน ส่วนซิกเนเจอร์ของเขาชนไก่ก็คงจะหนีไม่พ้น น้ำส้มคั้น เพราะว่าถือได้ว่าเป็นของเด็ดของชาวเราเลยที่เดียวยิ่งเวลาที่อากาศร้อนๆ พอได้จิบน้ำส้มที่เขาชนไก่แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้น ตัวอย่างอาหารน่าตาอาจไม่เข้าท่าแต่รสชาติถือว่าใช้ได้นะคะทุกคนเรียนจบ รด.ได้คะแนนพิเศษตอนสอบทหารเท่าไหร่ ?การเพิ่มคะแนนพิเศษ นักศึกษาวิชาทหารมีสิทธิได้รับการเพิ่มคะแนนพิเศษ เมื่อสอบเข้าโรงเรียนทหาร ตามข้อบังคับ กห.ว่าด้วยโรงเรียนทหาร พ.ศ. 2492 คือสำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 1 เพิ่มให้ร้อยละ 3สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 2 เพิ่มให้ร้อยละ 4สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 3 เพิ่มให้ร้อยละ 5สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 4 เพิ่มให้ร้อยละ 6สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 5 เพิ่มให้ร้อยละ 7เป็นผู้หญิงเรียน รด.แล้วได้อะไร ?ส่วนตัวแล้วไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตามเรียนไปแล้วก็ได้ประโยชน์ทั้งนั้นส่วนตัวของเรา ในมุมมองของผู้หญิงแล้วนั้นการเรียน รด.ทำให้เรามีความอดทนมากว่าผู้หญิงด้วยกันเอง ทำให้เราเป็นคนที่มีความอดทน มีวินัย มีความเป็นระเบียบ ทำให้เรามีการคิดที่เป็นระบบมากขึ้นก่อนที่จะลงมือปฏิบัติ ทำให้เราเป็นตนง่ายๆสะบายๆ ทำให้เรารู้จักที่จะอดทนรอในสิ่งที่เราต้องการ ทำให้เราสามารถรออะไรนานๆได้โดยที่เราแถบจะไม่บ่นเลยทำให้เราเป็นคนที่มีวินัยมากๆ ทำให้เรามีความเสียสละไม่เห็นแก่ตัว รู้จักแบ่งปันและช่วยเหลือคนอื่นมากๆขึ้น มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น ทำให้เราสามารถทำงานกับคนอื่นๆเข้ากับเพื่อนตนอื่นๆได้ง่ายขึ้นเพราะตอนฝึกเราก็ต้องไปเจอกับคนอื่นที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนทำให้เราสามารถเข้ากับคนอื่นได้ง่ายขึ้น ส่วนตัวแล้วคิดว่าการที่ตัวเองได้มีโอกาศเข้ามาเรียน รด.นั้นถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากๆ สุดท้ายนี้เราอยากจะฝากถึงน้องผู้หญิงหลายๆคนที่กำลังลังเลอยู่นะค่ะว่าจะเรียนดีมั้ย ส่วนตัวเราแล้วคิดว่าถ้าน้องมีโอกาศก็อยากให้น้องๆ ได้ลองเรียนดูเพราะว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากๆเลยที่เดียวคุณไม่มีทางสำเร็จได้ ถ้าคุณไม่เริ่มต้นเครดิตภาพ:ถ่ายโดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !