จะเกิดอะไรขึ้นถ้าองค์การอนามัยโลกประกาศ “ไวรัสโคโรน่า เป็นภาวะฉุกเฉินระหว่างประเทศ” ไวรัสโคโรน่านับว่าเป็นโรคระบาดที่มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จุดต้นกำเนิดของไวรัสนี้ได้มีการสันนิษฐานว่ามาจากตลาดสดค้าขายสัตว์ป่าแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น แล้วเกิดการระบาดไปทั่วประเทศจีน รวมถึงนานาประเทศทั่วโลกในขณะนี้ ซึ่งหลายๆประเทศต่างรอท่าทีขององค์การอนามัยโลกถึงการประกาศให้ไวรัสโคโรน่าเป็นภาวะฉุกเฉินระหว่างประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้เป็นภาวะรุนแรง จนในที่สุดเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563 คณะกรรมการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลกมีการจัดการประชุมและตัดสินใจออกประกาศให้ไวรัสโคโรน่าเป็นภาวะฉุกเฉินระหว่างประเทศ เนื่องจากมีการระบาดอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น สาเหตุหลักของการประกาศภาวะฉุกเฉิน คือ การพบผู้ติดเชื้อที่ไม่มีประวัติการเดินทางไปอู่ฮั่นหรือเมืองอื่นๆในประเทศจีนใน 5 ประเทศ คือ เยอรมนี เวียดนาม ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศไทย แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าองค์การอนามัยโลกประกาศ “ไวรัสโคโรน่า เป็นภาวะฉุกเฉินระหว่างประเทศ” คำแถลงการณ์ขององค์การอนามัยโลกดังกล่าวสามารถเพิ่มการตอบสนองของรัฐบาลและองค์กรต่างๆที่จะสามารถเข้าช่วยเหลือได้หลายวิธี รวมถึงสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่างๆกันได้ สามารถผลักดันให้ประเทศต่างๆทำงานร่วมกัน และสามารถประสานงานบุคลากรกองทุนรวมถึงทรัพยากรต่างๆที่จำเป็นเข้าให้ช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น คำประกาศนี้จะช่วยพลเมืองที่อาศัยอยู่พื้นที่ระบาดของไวรัสให้ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพและอนามัย องค์การอนามัยโลกสามารถส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือประเทศที่ไม่มีระบบสุขภาพที่ดีพอ เพื่อสามารถยับยั้งการระบาดไม่ให้รุนแรงไปมากกว่าเดิม จะนำไปสู่การออกมาตรการสาธารณสุข การระดมเงินทุนและทรัพยากร เพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดระหว่างประเทศ มาตรการดังกล่าวสามารถครอบคลุมถึงการออกคำแนะนำเกี่ยวกับการค้าและการเดินทาง รวมถึงการคัดกรองผู้โดยสารในสนามบิน ภายใต้หลักเกณฑ์ปัจจุบันขององค์การอนามัยโลกในการจัดการสถานการณ์ดังกล่าว มีหัวใจสำคัญอยู่ที่การควบคุมการแพร่ระบาดที่ต้นตอ และยังกำหนดให้ประเทศต่าง ๆ มีความโปร่งใสในการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการระบาด และมีความพร้อมในการคัดแยกผู้ป่วยที่ติดเชื้อ นับถึงปัจจุบันองค์การอนามัยโลกประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับโลกไปแล้ว 5 ครั้ง ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 ที่ระบาดทั่วโลกในปี 2552, การระบาดของโรคอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกระหว่างปี2557-2559, โรคโปลิโอในปี 2557, ไวรัสซิกาในปี 2559 และการระบาดซ้ำของโรคอีโบลาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกเมื่อปี 2562