ผ่านมาหลายวัน แต่ทอล์คออฟเดอะทาวน์ของแฟนหงส์แดง ลิเวอร์พูล ในเวลานี้ยังคงเป็นเรื่องอาการบาดเจ็บของ เวอร์จิล ฟานไดจ์ค กองหลังตัวเก่งหลังถูก จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าปะทะหนักในเกม พรีเมียร์ลีก นัดเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บีแมตช์ เกิดเป็นกระแสข่าวอาฟเตอร์ช็อกตามมาอย่างต่อเนื่องถึงการตัดสินใจของทีมผู้ตัดสินในนัดนี้ และหวยไปออกที่ เดวิด คูท ผู้ควบคุมการตัดสิน VAR ในนัดดังกล่าวถูกคณะกรรมการผู้ตัดสินพักงานเป็นเวลา 1 สัปดาห์ จากการละเลยย้อนดูจังหวะการเข้าเสียบหนักจนผู้รักษาประตูพิคฟอร์ดไม่โดนโทษใด ๆ ทั้งที่ควรจะเป็นใบแดง เราจะมาสรุปสถานการณ์ล่าสุด พร้อมวิเคราะห์กันว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อลิเวอร์พูลต้องเล่นโดยไม่มีฟานไดจ์ค ต้องทราบกันก่อนว่าอาการบาดเจ็บที่ฟานไดจ์คต้องเผชิญคือ เอ็นไขว้หน้าของข้อเข่าฉีกขาด ซึ่งเป็นอาการเดียวกับนักเตะชื่อดังในอดีตอย่าง ไมเคิล โอเว่น , รุด ฟานนิสเตอรอยด์ , โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ หรือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ในช่วงที่เล่นกับแมนยู ซึ่งถ้าเทียบเคียงอาการบาดแต่ละรายต้องพักนานหลายเดือน ตามข้อมูลของ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ระบุว่าเอ็นส่วนนี้อยู่ลึกเข้าไปในหัวเข่ามีความสำคัญต่อการเคลื่อนไหว หลังเข้ารับการผ่าตัดต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นนานถึง 6-9 เดือน และต้องเผื่อใจไว้สักนิดว่านักเตะที่มีปัญหาตรงส่วนนี้ หลายคนกลับมาไม่เหมือนเดิม ซึ่งล่าสุดฟานไดจ์คได้ออกมาเปิดเผยผ่าน Twitter ของตัวเองว่ากำลังเตรียมเข้ารับการรักษา และบอกกับแฟนบอลว่าจะกลับมาแบบแข็งแกร่งกว่าเดิม ต้องขอภาวนาให้อาการบาดเจ็บครั้งนี้ไม่หนักอย่างที่คิดนะครับ ข้ามมาที่ฝั่งลิเวอร์พูล ถึงแม้จะมีผู้เล่นหลายคนที่เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คได้อย่าง โจเอล มาติป , โจ โกเมซ หรือการถอยเอาผู้เล่นอย่าง ฟาบินโญ่ ลงไปเล่นในตำแหน่งนี้เหมือนที่เคยทำในนัดเจอเชลซี รวมถึงผู้เล่นดาวรุ่งจากอะคาเดมี ไรส์ วิลเลี่ยมส์ วัย 19 ปี ที่โชว์ฟอร์มใช้ได้ในเกมลีกคัพ แต่ก็น่าเป็นห่วงอยู่ดีเพราะตามสถิติที่ทีมข่าว TNN16 ได้รวบรวมมาจะเห็นได้ว่าลิเวอร์พูลที่ไม่มีฟานไดจ์ค มีสถิติชนะเพียง 6 ใน 13 เกมหรือคิดเป็น 46 เปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่าการที่มีฟานไดจ์คอยู่ในสนามอย่างชัดเจน ลามไปถึงสถิติการทำประตูที่น้อยลงไปด้วยจากการลดทอนประสิทธิภาพลูกกลางอากาศที่ฟานไดจ์คจะเป็นตัวที่กดดันแนวรับได้ดี แล้ว เจอร์เกน คล็อปป์ จะทำอย่างไร?.. ปัญหาคือล่าสุด โจเอล มาติป ดูเหมือนจะเจ็บที่กล้ามเนื้อตามไปอีกคนหนึ่ง แม้คาดการณ์ว่าไม่น่าจะหนักมากแต่ก็น่าจะกระทบกับโปรแกรมของลิเวอร์พูลในช่วงนี้ที่มีทั้งเกมลีกในประเทศ และฟุตบอลยุโรป หันไปที่ดาวรุ่งอีก 2 คนที่มี เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก กับ บิลลี่ คูเมติโอ ชั่วโมงบินยังไม่แข็งพอ อีกคนที่เพิ่งดึงตัวกลับมาจากสตุ๊ตการ์ต นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ยังไม่แจ่มเท่าไหร่คล็อปป์ยังไม่น่าเลือกเอามาใช้งาน การจัดทัพที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นการถอย ฟาบินโญ่ ลงมาเล่นคู่กับ โจ โกเมซ และให้กับตัน เฮนเดอร์สัน ที่เริ่มกลับมาฟิตสมบูรณ์ลงไปรับบทบาทกองหลังตัวตัดเกมแทนฟาบินโญ่ รอจน โจเอล มาติป กลับมาลงสนามได้อีกครั้งจะได้เห็นคู่กองหลังตัวกลางของลิเวอร์พูลเป็น โกเมซ-มาติป ที่แม้จะมีรอยรั่วให้เห็นแต่หันซ้ายหันขวา มันก็ไม่มีตัวเลือกดีกว่านี้แล้ว โดยมีดาวรุ่ง ไรส์ วิลเลี่ยมส์ สแตนด์บายห้อยมีรายชื่อเป็นตัวสำรองและอาจมีเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ จากคล็อปป์ให้มีโอกาสลงสัมผัสสนามในเกมกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด สุดสับดาห์นี้ แต่เกมยุโรปที่วิลเลี่ยมส์อยู่ในลิสต์บี หรือนักเตะเยาวชนต่ำกว่า 21 ปีที่ลงสนามได้ คล็อปป์ยังไม่น่าเสี่ยง คงต้องเข็นตัวชุดใหญ่ที่พอใช้งานได้ลงเล่นไปก่อน คงต้องรอจนถึงช่วงเปิดตลาดนักเตะอีกครั้งในเดือนมกราคมว่าลิเวอร์พูลจะมีการขยับเสริมใครใครเข้ามาเพิ่ม ซึ่งยังพอมีหลายคนที่น่าสนใจอย่าง ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ที่เพิ่งต่อสัญญากับไลป์ซิก หรือกองหลังที่เพิ่งติดทีมชาติอังกฤษของวูล์ฟแฮมป์ตัน คอเนอร์ โคอาดี้ ก็น่าสนใจไม่น้อย ทั้งหมดทั้งปวงอยู่ที่การตัดสินใจของ เจอร์เกน คล็อปป์ ว่าจะสวนกระแสมั่นใจตัวผู้เล่นที่มีอยู่ หรือจะมีตัวทดแทนเข้ามาแก้ปัญหาแนวรับที่ยังคงมีอยู่ ผลงานของทีมนับจากนี้ไปจนจบครึ่งฤดูกาลจะเป็นตัวให้คำตอบ ต้องติดตามกันต่อไป อีกไม่นานเกินรอ.. ภาพประกอบโดย Twitter Official ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / TNN16 / ภาพที่ 4 ช่องดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ และกีฬาชั้นนำทั่วโลก >> คลิกที่นี่ ดูบอลพรีเมียร์ลีกฟรี ทุกสัปดาห์ ผ่านทาง ID Station >> คลิกที่นี่