อื่นๆ
คุณยาย(ไม่)เพ้อเจ้อ
ถ้าบ้านใครมีญาติผู้ใหญ่ที่มีอายุมาก ๆ หลายคนคงเคยเจอสถานการณ์ที่คนสูงอายุเหล่านั้นมีภาวะหลงลืมหรือพูดจาเลอะเลือนผิดกับเมื่อสมัยก่อนไปบ้าง เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น คุณยายของเราที่ปัจจุบันอายุปลายแปดสิบปีเห็นจะได้ ท่านย้ายมาอยู่กับเราและแม่หลังจากที่น้าชายเสียชีวิต ครั้งสุดท้ายที่เราเคยได้ไปเยี่ยมเยียนคุณยายคือครั้งที่ท่านยังมีความจำดี พูดจาทักทายลูกหลานได้อย่างปรกติ แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เราได้พบคุณยายอีกครั้ง...ท่านก็จำเราและคนอื่น ๆ อีกหลายคนไม่ได้อีกแล้ว
จำได้ว่าเมื่อสมัยเป็นเด็ก แม่เรามักพาไปเที่ยวที่บ้านของคุณยายซึ่งอยู่กับน้าของเราอีกสองคน คุณยายของเรามีที่เล็ก ๆ อยู่หลังบ้านไว้สำหรับปลูกต้นไม้และเป็นฟาร์มเล็ก ๆ เลี้ยงสัตว์ สัตว์ที่ว่านั้นก็ได้แก่หมู ไก่ และกระต่าย ที่หลังบ้านนี้ตอนที่เป็นเด็กเรากลัวมาก เส้นทางเดินที่ติดกับราวป่าแถมข้างทางยังมีต้นจันต้นใหญ่ที่บดบังบ้านร้างหลังหนึ่งให้เห็นรำไร คุณยายเล่าว่าคนในบ้านย้ายออกไปหมดแล้วหลังจากที่มีคนในบ้านคนหนึ่งเสียชีวิต คนในบ้านที่เหลือปล่อยทิ้งบ้านไว้ให้ร้างเปล่าไม่กลับมาหลายสิบปี คุณยายเราท่านเป็นคนที่เชื่อเรื่องผีและท่านเล่าว่าเคยเห็นก็บ่อยครั้ง กล่าวได้เลยว่าถ้าครั้งไหนมีโอกาสได้ไปเที่ยวหาคุณยาย แน่นอนท่านก็จะเล่าเรื่องผีให้เราฟังอยู่เสมอ
Advertisement
Advertisement
ด้วยความที่คุณยายเลี้ยงหมูอยู่หลายตัวแต่ท่านต้องดูแลคนเดียว มีครั้งหนึ่งท่านเล่าว่าหมูตัวหนึ่งในเล้ากำลังจะคลอดลูก ตอนนั้นคุณยายลงมือดูแลทุกอย่างด้วยตัวเองในการช่วยให้แม่หมูคลอดลูกได้สะดวก ท่ามกลางเวลาตีสองถึงตีสาม คุณยายเล่าว่าท่านอยู่เฝ้าเล้าหมูด้วยใจระทึก เพราะท่านเห็นว่าผีกระสือได้ออกมาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ คุณยายบอกว่าผีนั้นคงจะหวังมากมากินรกหรือของคาวจากแม่หมูที่เพิ่งคลอดลูก ตอนนั้นเราได้ฟังคุณยายเล่าเรื่องเกี่ยวกับผีสางต่าง ๆ ด้วยความเป็นเด็กก็รู้สึกหวาดกลัว แต่เมื่อเวลาผ่านไปและเติบโตขึ้นก็รู้สึกไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไหร่เพราะคิดว่าคุณยายแต่งเรื่องขึ้นเพื่อหลอกให้เด็ก ๆ กลัวเท่านั้นเอง
จนกระทั่งเวลาผ่านไป ตอนนั้นน้าชายที่อยู่กับคุณยาย คนหนึ่งออกไปมีครอบครัวเป็นของตัวเองนานแล้ว ยายจึงอยู่กับน้าชายอีกคนกับหลาน ๆ อีกสองคน ตอนนั้นน้าชายเริ่มสุขภาพไม่ค่อยดีจึงดูแลทั้งคนสูงอายุและเด็ก ๆ พร้อมกันไม่ไหว อีกทั้งคุณยายเริ่มมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ พูดคุยคนเดียว เราและแม่จึงรับคุณยายมาดูแลอยู่ที่บ้านด้วยกัน
Advertisement
Advertisement
เวลานั้นเป็นช่วงปิดเทอม เราจึงมีเวลาอยู่กับคุณยายมากกว่าคนอื่น ๆ ในบ้าน ด้วยความที่คุณยายอายุมากขึ้น อาการและความจำต่าง ๆไม่ได้เป็นปรกติเหมือนสมัยก่อน เราสังเกตดูท่าน เห็นบางครั้งท่านก็พูดคนเดียว บางครั้งก็นั่งเงียบนิ่งเฉยและมีหลายครั้งที่ท่านพูดถึงสิ่งที่น่ากลัวทำให้เรารู้สึกขนลุกอยู่บ่อยครั้ง
“ใครก็ไม่รู้ยืนอยู่ข้างนอกนั่น เรียกเขาเข้ามาสิ”
ครั้งหนึ่งในเวลากลางดึก เราที่นอนกับคุณยายได้ยินท่านพูดขึ้นมา เราบอกกับยายด้วยความหงุดหงิดว่าไม่มีใคร แต่คุณยายก็ยังยืนยันคำเดิม คุณยายมักพูดเรื่องที่เห็นใครบางคนอยู่บ่อยครั้งจนเรารู้สึกกลัวทั้งที่ตอนแรกคิดว่าคุณยายนั้นเพ้อเจ้อไปเองตามประสา และผ่านไปอีกประมาณครึ่งปีที่คุณยายมาอยู่กับเรา วันหนึ่งคุณยายก็พูดบางอย่างที่ทำให้เราคิดว่าคุณยายอาจจะไม่ได้เพ้อเจ้อไปเอง
Advertisement
Advertisement
“ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม เข้ามาสิ”
เพราะได้ยินคุณยายเอ่ยแบบนี้จนชิน เราจึงถามคุณยายว่าคุยกับใคร สิ่งที่คุณยายตอบกลับมานั้นทำให้เรารู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ก็...ไง ยืนอยู่ทำไมก็ไม่รู้ มันไม่ยอมเข้ามา เข้ามาไม่ได้หรือไงก็ไม่รู้”
เรามองไปที่หลังบ้าน สถานที่ที่คุณยายบอกว่าเห็นใครบางคน คนที่คุณยายบอกว่ายืนอยู่ในความว่างเปล่านั้นคือน้าชายของเราเอง! ตอนนั้นเรารู้สึกใจคอไม่ดี คุณยายเองก็ยังคงมองไปที่หลังบ้านที่บอกว่าเห็นน้าชายของเรายืนอยู่และเริ่มพูดคุยไปเรื่อยแถมยังคอยรบเร้าให้เข้ามาในบ้านอยู่ตลอดไม่ยอมหยุด
และเวลาตีห้าของวันถัดมาก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น น้าชายของเราเสียชีวิตอยู่ในห้องขณะที่นอนกับลูก ๆ!
เราเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่คุณยายพูดจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า ไม่แน่ว่าตอนนั้นคุณยายอาจจะได้เห็นวิญญาณของลูกชายที่มาหาและหลาย ๆ ครั้งอาจจะเห็นสิ่งลี้ลับอื่น ๆ อีกมาก บางทีสิ่งที่ท่านเห็น ได้ยินหรือสัมผัสได้อาจจะไม่ได้เป็นเพราะท่านเลอะเลือนเพียงอย่างเดียว...แต่มันอาจจะเกี่ยวข้องกับสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นอีกมากก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน!
ตลอดช่วงงานศพของน้าชาย เรายังคงได้ยินคุณยายพูดถึงน้าชายที่เสียชีวิตไปอยู่เรื่อยทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครมาบอกท่านว่าน้าชายเสียชีวิตไปแล้ว เหตุการณ์การเสียชีวิตของน้าชายนี้เรามีความรู้สึกกลัวและเศร้าไปพร้อม ๆ กัน หากเรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องผีหรือวิญญาณ หากแต่เป็นความรู้สึกและสายใยของคนเป็นแม่และลูก เมื่อลูกคนหนึ่งจากไป...สายใยบางอย่างของคุณยายต่อลูกชายอาจส่งสัญญาณเตือนให้ท่านระลึกถึงแม้ในยามที่ท่านความจำเลอะเลือนไปแล้วก็เป็นได้ เราไม่อาจอธิบายว่าสิ่งที่ท่านบอกว่าเห็นนั้น แท้จริงเป็นลูกชายของท่านที่มาหาจริง ๆ หรือเป็นเพราะสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก แต่อย่างไรก็ตามนั่นก็แสดงให้เห็นว่าคนสูงอายุบางคนแม้จะมีความจำหรือสมรรถภาพทางกายที่ถดถอยไป แต่สิ่งที่ไม่เคยหายไปคือความรักความห่วงใยที่ท่านมีต่อลูกหลานที่ยังประทับอยู่ในความทรงจำอันจะคงอยู่เสมอแม้ท่านจะไม่เคยเอ่ยถึงอีกเลยก็ตาม!
ความคิดเห็น