ภาพโดย ผู้เขียน “อยู่กับก๋ง” นับว่าเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาที่ให้คุณค่าและแง่คิดที่หลากหลายผ่านคำสอนจากชีวิตจริงของ “ก๋ง” ชาวจีน ผ่านการเล่าเรื่องของ “หยก” หลานชายวัยสิบสามปี หนังสือนวนิยายเล่มนี้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้ส่งเสริมการอ่านให้แก่นักเรียนหรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าเป็นการชี้แนะหนังสือดีให้นักเรียนได้รู้จัก “หยก บูรพา” หนึ่งในนามปากกาของ เฉลิม รงคผลิน นักเขียนชาวไทย ซึ่งจะใช้นามปากกา “หยก บูรพา” ในการเขียนเรื่องชีวิตชาวจีน เฉลิม รงคผลิน เกิดที่อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เดิมชื่อ เฉลิมศักดิ์ ศิลาพร จบชั้นมัธยมศึกษาและสอบเทียบ ม.8 จากโรงเรียนปทุมคงคา และศึกษาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจากการเขียนนวนิยายเรื่องที่สอง “อยู่กับก๋ง” ได้รับรางวัลหนังสือนวนิยาย รางวัลดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2519 ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ อยู่กับก๋ง เป็นนวนิยายอิงจากชีวิตจริงในวัยเด็กของผู้เขียนที่มีความภาคภูมิใจกับภูมิหลังของตนอย่างไม่อาจลืมเลือน โดยแฝงไปด้วยคุณค่าและแง่คิดอย่างหลากหลาย ดังนี้ภาพโดย ผู้เขียน คุณค่าด้านวรรณศิลป์ จากเนื้อเรื่องมีการใช้สำนวนภาษาที่กระชับสละสลวย ใช้ถ้อยคำที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย และเนื่องจากเนื้อเรื่องกล่าวถึงชุมชนจีนจึงมีคำภาษาต่างประเทศมาปะปนอยู่ด้วยเช่นคำว่า แซยิด เป็นประเพณีจีนอย่างหนึ่ง ความหมายของคำที่เรียกนี้คือการทำกิจการในวันคล้ายวันเกิดหรืองานเลี้ยงฉลองวันเกิด นอกจากนี้ยังมีการใช้ถ้อยคำที่ไพเราะงดงามทำให้ผู้อ่านได้รับรสของเสียง สัมผัสได้ถึงอารมณ์ ความรู้สึกของกวีหรือตัวละครเช่น “คำพูดของครูบรรยงค์แผ่วเบาเหมือนเสียงกระซิบปลอบจากดวงดาวที่โพ้นฟ้าในคืนที่ฉันว้าเหว่ที่สุด” แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของหยกที่มองว่าตนเองนั้นต่ำต้อยและมองครูเสมือนดวงดาวบนฟากฟ้าที่โน้มตัวลงมาใกล้เขา หากพิจารณาบริบทด้วยแล้วจะเห็นถึงความเยือกเย็นเหน็บหนาวในก้นบึ้งแห่งความรู้สึกของหยก คุณค่าด้านแนวคิด อยู่กับก๋ง เป็นนวนิยายที่สอดแทรกหรือแฝงไปด้วยข้อคิดในทุกบททุกตอน ทั้งข้อคิดที่ได้จากก๋งชายสูงวัยผู้มากประสบการณ์ชีวิตที่ถ่ายทอดไปยังหยกรวมทั้งบุคคลอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งข้อคิดที่ปรากฏในเรื่องอันมาจากความรู้สึกนึกคิดของเด็กชายวัยสิบสามปีที่ทำให้ฉุดคิดขึ้นมา ซึ่งแม้แต่ผู้ใหญ่บางคนก็ยังคิดไม่ได้เช่นนี้ ตัวอย่างเช่น “ด้วยความที่รักฉัน ก๋งบอกให้ฉันซื้อขนมกินแทบทุกวัน แต่ฉันก็ไม่เคยซื้อกินเลย…เรายังยากจนอยู่” เด็กผู้ไร้เดียงสายังน้อยประสบการณ์ชีวิตแต่กลับคิดได้เช่นนี้ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคมอย่างมาก หากเปรียบดังเช่นทุกวันนี้ยังมีบุคคลอีกมากที่หาเช้ากินค่ำรายได้ไม่สอดรับหรือไม่เพียงพอกับรายจ่ายแต่กลับไม่รู้จักประมาณตนใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย หยกจึงเป็นตัวอย่างที่ดีในการรู้จักความพอประมาณดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง นอกจากนี้ก๋งยังสอนให้หยกมีระเบียบวินัยขยันหมั่นเพียรสุจริต เห็นคุณค่าในตนเอง ยอมรับความจริงของชีวิตดังเช่นที่ก๋งเคยบอกกับหยกเสมอว่า “ไม่ต้องอายที่เป็นคนจน แต่ควรอายที่เป็นคนเลว เพราะความจนความรวยเราเลือกไม่ได้” อีกตัวอย่างหนึ่งคือ “…เราสองคนยังต้องเป็น “ขี้ข้า” ของชีวิตไปอีกนานเพียงไรหนอ ฉันอยากหลุดออกจากเงื้อเงาดำ ๆ นี้เหลือเกิน จึงได้แต่เก็บความขมขื่นไว้ในใจตัวเอง แล้วรอวันหนึ่งข้างหน้า…วันที่ฉันจะยืนขึ้นได้อย่างแข็งแรงแกร่งกล้าด้วยพลังกายของฉันเองและด้วยงานอันสุจริต ฉันภาวนาอยู่เสมอให้ก๋งมีอายุยืนยาวพอที่จะได้เห็นภาพแห่งความสำเร็จใน “วันนั้น” ของฉัน …วันที่ดิ้นรนจนหลุดพ้นจากโซ่ตรวนของคำว่า “ขี้ข้า” อันน่าขื่นขม ” แม้จะเป็นประโยคตัดพ้อให้กับความยากลำบากของหยกแต่ก็แฝงไปด้วยพลังที่บ่งบอกถึงความอดทน ความมุ่งมั่น พยามยาม ที่จะสะบัดความยากไร้และความลำบากให้พ้นตัว อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความรักอันบริสุทธิ์ความกตัญญูที่มีต่อก๋งอย่างเต็มเปี่ยม แม้ว่าจะลุผ่านช่วงเวลามานานแต่คำสอนทุก ๆ อย่างของก๋งยังคงความเป็นปัจจุบัน กล่าวคือสามารถนำมาใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะในอดีตที่ผ่านมา ปัจจุบัน หรือแม้แต่ในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องของความกตัญญูแม้ว่าก๋งจะไม่ได้บอกให้หยกกตัญญูต่อตนเอง แต่สิ่งที่ก๋งได้ทำเป็นเสียยิ่งกว่าคำสอนที่เป็นคำพูดนั่นคือความกตัญญูที่มีต่อแผ่นดินที่ได้พักพิงภาพโดย : https://pixabay.com คุณค่าด้านเนื้อหา นวนิยาย อยู่กับก๋ง มีทั้งหมด 30 ตอน แต่ละตอนเชื่อมโยงเกี่ยวพันกันเป็นเรื่องราวอย่างน่าสนใจและน่าติดตาม ตัวละครหลักประกอบด้วย ก๋ง หยก ครูบรรยงค์ ป้าเง็กจู ป้าสำเนียง คุณนายทองห่อ ฯ ก๋ง เป็นชายสูงวัยที่มีบุคลิกลักษณะที่เป็นผู้ใหญ่ น่าเคารพนับถือ และมีเหตุผล หยก เด็กชายวัยสิบสามปีผู้มีความคิดเกินอายุ เชื่อฟังผู้ใหญ่ มีความกตัญญูเป็นลักษณะอันโดดเด่น ครูบรรยงค์ชายวัยกลางคนผู้ครองความเป็นโสด มีจิตใจเอื้ออารี ป้าเง็กจูมีบุคลิกลักษณะกระโตกกระตาก อารมณ์ร้อน ไม่ยอมรับอะไรง่าย ๆ ป้าสำเนียง แม่ค้าผู้มีอารมณ์แปรปรวนกับคนที่ชอบก็ดีใจหายกับคนที่ไม่ชอบก็ไม่ได้ดีด้วยนัก คุณนายทองห่อผู้รักในความสวยความงาม รักในเกียรติยศศักดิ์ศรีแต่ก็มีจิตใจดี องค์ประกอบของเรื่องไม่ว่าจะเป็นฉาก บทสนทนา บรรยากาศ บทบรรยายล้วนมีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อผู้อ่านให้สามารถเข้าใจเรื่องราวได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น “ครูบรรยงค์เคยพูดกับก๋งว่า นอกจากจะรักฉันเหมือน ลูกศิษย์แล้วยังรักฉันเหมือนลูกอีกด้วย…รักเหมือนลูก ประโยคสั้น ๆ ไม่กี่พยางค์นี้มีความหมายยิ่งใหญ่เหลือเกินในชีวิตที่มีค่ากระจิริดของฉัน มันเป็นประโยคที่จุดความสว่างพร่างโพรงในชีวิตอันมืดทึบของฉันเหมือนคนที่เดินดุ่มอยู่ในถ้ำมืดที่มองไม่เห็นปลายทางมานมนาน ได้พบกับปล่องเหนือถ้ำที่มีแสงตะวันสอดส่องลอดเข้ามาเรือง ๆ เป็นความหวังของชีวิต” ประโยคดังกล่าวนี้ทำให้ผู้อ่านสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้อย่างลึกซึ้งจับใจอีกทั้งยังทำให้ผู้อ่านเข้าใจหรือตีความได้อีกว่า แม้ว่าหยกจะได้รับความรักจากก๋งตั้งแต่เด็กแต่ลึก ๆ ในห้วงของความรู้สึกก็ยังต้องการพ่อแม่เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ คุณค่าทางสังคม เนื้อเรื่องของนวนิยาย อยู่กับก๋ง ได้สะท้อนให้เห็นคุณค่าทางสังคมหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านความเชื่อ วัฒนธรรมประเพณี การดำเนินชีวิต อาชีพ การศึกษา หรือแม้แต่ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ด้านความเชื่อเช่นความเชื่อเรื่องการไว้หนวดเครา เชื่อกันว่าคนโสดหากไว้หนวดเคราแต่หนุ่มแล้วจะขัดลาภอับโชค เป็นต้น คุณค่าด้านวัฒนธรรมประเพณีเช่น มีการจัดงานวันแซยิดทุก ๆ 10 ปี หรือธรรมเนียมประเพณีเรื่องคนจีนต้องแต่งงานกับคนจีน ด้านการดำเนินชีวิตมีบางตอนของเนื้อเรื่องที่สะท้อนให้เห็นการใช้จ่ายของคนรวยกับคนจน โดยเฉพาะตอนจ่ายตลาดคนรวยบางคนมีเพียงปลาเล็กปลาน้อยและผักเท่านั้น แต่คนหาเช้ากินค่ำกลับมีหมูแดงไม่เว้นแต่ละวัน สะท้อนให้เห็นว่าคนรวยบางคนก็รวยได้เพราะความประหยัดอดออมไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และคนจนก็ไม่ได้จนเพราะไม่มีเงินหรือไม่มีงานทำแต่จนเพราะใช้จ่ายไม่เป็น อีกทั้งยังสะท้อนวิถีชีวิตของชุมชนห้องแถวที่ส่วนใหญ่ต้องดิ้นรมทำมาหากินเพื่อยังชีวิตให้มีชีวิตรอดต่อไปในแต่ละวัน ด้านอาชีพโดยเฉพาะอาชีพค้าขายซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวจีนคนจีนจะขายของแบบยืนราคาตายตัวไม่ยอมให้เสียราคาอดทนอย่างยิ่งจนกว่าจะขายหมดหรือถ้าเสียไปก็ยอมขาดทุน แต่คนไทยบางทีอยากหมดเร็วๆก็ขายแบบลดแลกแจกแถมไป เป็นต้น และตัวอย่างหนึ่งในด้านอาชีพคือ ก๋ง ผู้เป็นตัวอย่างในด้านของการประกอบอาชีพคือไม่รอให้มีผู้ว่าจ้างงานแต่หางานมาทำด้วยตัวเองมีงานให้ทำอยู่ตลอดเวลา ด้านการศึกษาคนจีนส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการทำงานมาก่อนการเรียนเสมอ ด้านความเหลื่อมล้ำทางสังคม คนจีนจะให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาวเพราะผู้ชายสามารถสืบสกุลต่อไปได้อีกทั้งยังมีแรงงานมากกว่าผู้หญิงหรือแม้กระทั่งความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนดังเช่นกรณีของหยกที่มีเรื่องกับลูกคนใหญ่คนโตก็ต้องยอมรับผิดทั้งที่ไม่ได้เป็นฝ่ายกระทำความผิด สำคัญที่สุดที่เป็นคุณค่าในทางสังคมของนวนิยายเรื่องอยู่กับก๋ง คงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากแสดงให้เห็นถึงความกตัญญูของหยกที่มีต่อก๋ง และความรักแผ่นดินไทย ของคนจีนที่พลัดแผ่นดินเกิดมาอาศัยในแผ่นดินไทยในฐานะผู้พึ่งพระบรมโพธิสมภารพระมหากษัตริย์ไทย จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ไทย ปฏิบัติตนเยี่ยงคนไทยเคารพกฎหมาย ยอมรับและเคารพต่อขนบธรรมเนียมประเพณีไทยไม่ย่อหย่อนไปกว่าการรักษาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมเดิมของตน เข้าใจคนไทยและรักคนไทย รักแผ่นดินไทยเพราะแผ่นดินไทยให้ความเกษมสุขและเสรีภาพอย่างเต็มเปี่ยมแก่ชาวจีนผู้มาอาศัยเช่นเดียวกับที่คนไทยได้รับ ดังเช่นประโยคที่ก๋งได้บอกกับหยกเมื่อครั้งที่ให้หยกแปลความหมายของเพลงชาติไทยให้ฟังว่า “ก๋งอยู่นี่สบายกว่าอยู่เมืองจีนมาก...” และหยก บูรพา ได้กล่าวไว้ก่อนเริ่มเรื่องว่า “ไม่เคยมีความสุขที่คนจีนได้รับจากที่ใดเท่าจากผืนแผ่นดินไทย” แม้แต่แผ่นดินที่กลบหน้าเมื่อสิ้นชีวิตของก๋งก็เป็นแผ่นดินไทย… หนังสือนวนิยายเรื่อง อยู่กับก๋ง สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายหนังสือเช่น ร้านซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ ราคา 123.50 บาท หรือสามารถสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ https://m.se-ed.com