“แม้ว่าจะฟอร์มดี แต่ความจริงคืออยู่อันดับ 3” เป็นความจริงที่แฟน ลิเวอร์พูลวันนี้ ต่างยอมรับหลังจบเกม พรีเมียร์ลีกนัดล่าสุด นัดที่ 8 แม้ต้องเล่นโดยไม่มีผู้เล่นลิเวอร์พลูกองหลังตัวเก่ง เวอร์จิล ฟานไดจ์ค ลูกทีมของของ เจอร์เกน คล็อปป์ ยังทำผลงานได้ดีเก็บชัยชนะได้ถึง 5 จาก 6 นัดรวมทุกรายการโดยเสียไปเพียงแค่ 3 ประตู แต่ยังยึดตำแหน่งจ่าฝูงมาครองได้แบบไม่เบ็ดเสร็จ โดยที่แม้แต่อันดับ 6 อย่าง แอสตัน วิลล่า ยังไล่จี้ก้นห่างกันเพียง 2 คะแนน แถมต้องขาดตัวหลักที่ทยอยกันเจ็บ หรือจะไม่ใช่ฤดูกาลของเรา? เราจะมาวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ของทีมที่ต้องเผชิญในเวลานี้กันแบบตรงไปตรงมา รวมถึงโอกาสในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ว่าจะมีเปอร์เซ็นต์สักแค่ไหน ทีมอื่นพัฒนาขึ้น? ถ้ามีใครพูดลอย ๆ ว่าเป็นเพราะทีมอื่นพัฒนาขึ้นต้องขอตอบว่า ไม่เห็นด้วย ที่จะใช้คำนี้สรุปถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่เพราะทุกปีรวมถึงฤดูกาลก่อนที่ได้แชมป์ คู่แข่งมันก็พัฒนาทุกปี ยังไม่เห็นปีไหนที่ทีมอื่นหยุดพัฒนา แต่มีทฤษฎีที่เกี่ยวเนื่องมาจาก โควิด-19 ที่ผมเชื่อว่าการต้องเตะในสนามที่ไม่มีคนดูมันทำให้นักเตะระดับโลกกับนักเตะธรรมดามีช่องว่างที่แคบลง ไม่ต้องเล่นต่อหน้าคนหลายหมื่น ไม่ต้องถูกกองเชียร์คู่แข่งตะโกนกดดัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้นักเตะระดับโลกจะได้เปรียบสามารถเล่นในสภาวะกดดันได้มากกว่า แต่ทุกอย่างกลับมาเท่ากันไม่ต่างกับเตะในสนามซ้อมคอยฟังแค่เสียงโค้ชตะโกนอย่างเดียว จึงไม่แปลกอะไรที่ทุกทีมจะนัดกันท็อปฟอร์มเล่นดีกันแบบผิดหูผิดตาทำให้ทุกเกมสำหรับทีมใหญ่เป็นงานยาก 6 ใน 8 นัดในพรีเมียร์ลีกของลิเวอร์พูล เป็นการชนะด้วยช่องว่างเพียง 1 ประตู และท็อปโฟร์ทุกทีมเจอสถานการณ์เหมือนกันหมด แฟนหงส์แดงจึงต้องทำใจว่าพรีเมียร์ลีกตอนนี้แทบจะไม่มีคำว่า ทีมเล็ก หรือ ทีมใหญ่ กองเชียร์ผู้เล่นคนที่ 12 ไม่สามารถกดดันคู่แข่งได้อีกต่อไป อาจจะยาวไปสักนิดแต่เชื่อได้ว่าเป็นคำอธิบายที่ต่างจากนักวิเคราะห์คนอื่นแน่นอน นี่คือความเป็นจริงที่ลิเวอร์พูลต้องเจอ! ชำเลืองไปที่คู่แข่งแม้ว่าต้นฤดูกาลมีพุ่งขึ้นมาแรงหลายทีม แต่มองว่าในระยะยาวทีมอย่าง สเปอร์ส หรือ เซาแธมป์ตัน ไม่น่าจะยืนระยะไหว เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงตอนนี้ยังมีปัญหาที่ขนาดทีมยังไม่ใหญ่มากพอที่จะเล่นพร้อมกัน 2 ถ้วยกับบอลยุโรปจะแสดงอาการออกมาหลังผ่านครึ่งฤดูกาลเหมือนปีที่แล้ว จะเหลือขับเคี่ยวกัน 3 ทีมคือลิเวอร์พูล , แมนฯ ซิตี้ และเชลซี แต่อุปสรรคของลิเวอร์พูลอยู่ที่อาการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลักที่ทยอยกันเจ็บไม่สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดได้เหมือนฤดูกาลที่ผ่านมาที่ใคร ๆ ต่างบอกว่า เจอร์เกน คล็อปป์ โชคดีแทบจะไม่เจอปัญหาตัวเจ็บเลย ถึงแม้ว่าการแก้เกมยังเชื่อมือได้แต่คงไม่โชคดีเฉือนชนะคู่แข่งแค่ลูกเดียวได้ทุกนัด จะมีวันที่โชคไม่เข้าข้าง วันที่ดวงแตกเจอคู่แข่งท็อปฟอร์มวันนั้นพอดีเหมือนกับที่โดนวิลล่ายิง 7 ลูก ไม่ใช่ฤดูกาลที่ง่ายเลยสำหรับลิเวอร์พูล.. ในเรื่องร้ายมีเรื่องดีซ่อนอยู่! อย่างที่กล่าวไปเมื่อตอนต้นบทความว่าปัญหาทีมเล็กดูเก่งขึ้น มันก็เป็นปัญหาสำหรับทีมอื่นด้วย ใครจะไปคิดว่าเลสเตอร์จะแพ้เวสต์แฮมคาบ้าน 0-3 หรืออาร์เซนอลเล่นในบ้านจะโดนวิลล่ายำ 3 ลูก แต่ละทีมจะถัวเฉลี่ยมีนัดเสียแต้มกันถ้วนหน้าเป็นฤดูกาลที่ ทีมแชมป์ จะมีคะแนนต่ำกว่า 90 แต้ม โดยส่วนตัวแล้วยังเชื่อว่าความเด็ดขาดจุดขายในเกมรุกของลิเวอร์พูลที่ปีนี้นัดกันพีคทั้ง ซาลาห์ , มาเน่ , เฟอร์มิโน่ และดิโอโก โชตา จะเอาตัวรอดได้เป็นนัด ๆ แบบมีเสียว ดูมีภาษีดีกว่าเชลซีที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด ยังมีความเคี่ยว และประสบการณ์ลุ้นแชมป์ในช่วงสำคัญห่างกับคล็อปป์อยู่หลายขุม เรือใบสีฟ้าของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ยังเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บรุมเร้า นักเตะอย่าง กุน อเกวโร่ เจ็บแล้วตัวทดแทนยังไม่ดีพอ กองหลังหายไปสักคนก็ดูปั่นป่วนพร้อมที่จะเสียแต้มได้ทุกนัดไร้ความแน่นอน ต่างกับลิเวอร์พูลที่กองหลังเจ็บยังได้กองหน้าช่วยกันยิง กองหน้าวันไหนตื้อ ๆ ก็ยังมีตัวทีเด็ดลงมาทดแทน ชั่งน้ำหนักดูแล้วขอลงความเห็นว่า ลิเวอร์พูล จะคว้าแชมป์ไปแบบสะบักสะบอมแผลเต็มตัว ไม่ใช่งานง่ายที่แฟนหงส์แดงต้องเตรียมใจรับชะตากรรมลุ้นแบบนัดต่อนัดชนิดที่ยาดมขาดตลาด มีเรื่องให้เสียวตาสว่างตลอด 90 นาที รับรองว่าทุกคนต้องจำฤดูกาลนี้ไปอีกนานแน่นอน ติดตามผลงานของผม ภิญโญ ส่องแสง หรือเจ้าของนามปากกา หงส์ดรุณ ที่คุ้นเคยกันในโลกกีฬาได้ที่ creators.trueid.net/@pinyo พร้อมพูดคุยในกลุ่มแฟนลิเวอร์พูล >>คลิก<< และวันหน้ามาติดตามเรื่องราวสนุก ๆ แบบนี้กันได้อีกครับ.. ภาพประกอบโดย Liverpool Official ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / Aston Villa ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี ! ช่องดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ และกีฬาชั้นนำทั่วโลก >> คลิกที่นี่ ดูบอลพรีเมียร์ลีกฟรี ทุกสัปดาห์ ผ่านทาง ID Station >> คลิกที่นี่