ความงามแห่งเซน บนประวัติศาสตร์ “เซ็นได” “ทุกสิ่งทุกอย่างดำรงอยู่ โดยสัมพันธ์กับสิ่งอื่น ๆ ” เป็นแนวคิดอย่างย่นย่อของนิกายเซน อันบ่งบอกถึงความสอดคล้องอย่างเท่าเทียม จึงไม่แปลกที่เมื่อเราก้าวเข้ามาในโบราญสถานหลายที่ของญี่ปุ่น มักพบกับแนวคิดต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ ผิวเผินอาจมองแค่ผ่าน แต่ถ้าลองนั่งลง และมองออกไปจะเห็นอะไรบางอย่างผลิบานในหัวใจ เมืองเซ็นไดอยู่ทางตอนเหนือของกรุงโตเกียว เป็นหัวเมืองที่มีความคึกคัก และเก่าแก่ด้านประวัติศาสตร์ตั้งแต่ ค.ศ.8 โดยเมือง “ฮิราซูมิ” (Hiraizumi) รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกมีลักษณะภูมิศาสตร์ใกล้เคียงกับเมืองเกียวโต โดยเมืองแห่งนี้มีการตกแต่งสถานที่ด้วยทองคำมากมาย ด้วยความเชื่อในความบริสุทธิ์ ซึ่งนำสู่ชีวิตหลังความตายที่ดี สถานที่แรกในเมือง “ฮิราซูมิ” ที่จะไปคือ “วัดโมซูจิ” (Motsuji) สร้างขึ้นในปี 850 พื้นที่โดยรอบมีบริเวณกว้างมีอาคารไม้ตั้งอยู่โดยรอบ แต่พอเข้ามาต้องเข้าไปยังศาลาใหญ่ที่มีพระประธานตั้งอยู่ การตกแต่งแสดงถึงความเป็นญี่ปุ่นโบราญ ในสมัยก่อนจากแผนที่ตั้งด้านหน้าแสดงถึงศาลาที่ใช้ในการศาสนาโอบล้อมรอบสระน้ำขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ซึ่งมีห้องซับซ้อนกว่า 40 ห้อง คนญี่ปุ่นที่เข้ามานอกจากไหว้พระแล้วยังสามารถนั่งพักผ่อน และสูดอากาศได้อย่างเต็มปอด เพราะในนี้มีต้นไม้ใหญ่เรียงรายสองข้างทาง ซึ่งใครเข้ามารับรองว่าต้องหลงใหลในความเขียวเข้มของสถานที่ แต่หากสนใจประวัติศาสตร์ในพื้นที่ต่าง ๆ ที่เป็นที่ตั้งอาคารเก่าซึ่งเหลือแต่เค้าลางเลือน ๆ สามารถเดินเข้าไปชมได้เช่นกัน อย่างที่ทราบกันธรรมชาติคือความสอดคล้องของชีวิตในแนวคิดแบบเซน จึงไม่แปลกที่มีแมกไม้มากมายในวัดเก่าแห่งนี้ รวมถึงสระน้ำกลางวัดที่มีขนาดใหญ่แฝงคติหลักความเชื่อการสร้างสระน้ำแบบโบราญของญี่ปุ่นสะท้อนความเป็นคาบสมุทรชายฝั่ง ด้วยโดยรอบเรียงรายด้วยหินขนาดเล็ก และมีแหลมที่มีโขดหินยื่นออกมาตามความเชื่อ อีกวัดต่อมาที่ไม่ควรพลาดคือ “วัดชูซอนจิ” (chusonji) จะได้ชมถึงความตระกาลตาในศิลปะสมัยเฮอัน ด้วยพระพุทธรูปทองคำมรดกเก่าแก่ในวิหารทอง และมีพิพิธภัณฑ์ทางพระพุทธศาสนาของญี่ปุ่นสะท้อนถึงความรุ่งเรือง โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบศิลปะลวดลายไม่ควรพลาด เนื่องจากจะได้เห็นความละเอียดในการทำงานของช่างโบราญที่ต้องยกนิ้วให้ ซึ่งกฎของการเข้าไปชมที่นี่คือห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด ที่สุดท้ายคือ “วัดเอนซูอิน” มีความเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่ปี 1646 โดย ดาเทะ ทาดามูเนะ เจ้าเมืองเซ็นได สร้างขึ้นเพื่อรำลึกการสูญเสียของบุตรชาย ด้านหลังมีสุสานท่ามกลางสวนดอกไม้ ติดกับโขดหินใหญ่อันเงียบสงบและแสดงถึงแนวคิดแห่งความห่วงใยของผู้ที่สร้างที่มีต่อผู้เสียชีวิต วัดแห่งนี้อาคารมีลวดลายแบบยุโรปผสมได้อย่างกลมกลืนสีฉูดฉาด แต่สิ่งที่เป็นข้อเด่นของ “วัดเอนซูอิน” อยู่ที่การจัดสวนเพราะตั้งแต่ก้าวข้ามผ่านกรอบประตูเข้าไปเต็มไปด้วยไม้ดอกนานพันธ์ ในบริเวณสุสานเต็มไปด้วยดอกกุหลาบหลากสีสันตัดกับแผ่นหินสลักชื่อผู้เสียชีวิตทำให้บรรยากาศดูว่างโหวงไม่น้อย หลักใหญ่ของการจัดสวนแบบญี่ปุ่นจะเน้นความว่าง – เวลา – มิติ สวนในวัดแห่งนี้ถือว่าตอบคำจำกัดความข้างต้นได้อย่างดีถึงความว่างในหัวใจของผู้ที่เข้ามาสัมผัส ส่วนนัยยะของเวลาหมายถึงดอกไม้นานพันธ์ที่ในแต่ละฤดูผู้เข้าชมจะพบความเบ่งบานต่างกันออกไป ด้านมิติถูกตัดทอนด้วยเนินต่าง ๆ ซึ่งเป็นหญ้าเตี้ย ๆ รวมถึงก้อนหินกลมมนซึ่งแซมอยู่ใต้ไม้ใหญ่และลำธาร ก่อนทางออกไกด์แนะนำบรรดานักท่องเที่ยวสาวโสดให้ลองขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในการขอเนื้อคู่ผ่านตุ๊กตาไม้ที่สามารถนำปากกาไปเขียนเพื่อขอพรให้สมหวังดั่งใจหมาย เมืองเซ็นไดบนวิถีของความเปลี่ยนแปลงของโลก แม้จะเคยได้รับผลกระทบจากสึนามิ แต่ผู้คนยังคงมิตรภาพไว้อย่างดีเสมอ เฉกเช่นเดียวกับหัวใจนักสู้ของพวกเขา **CR ทุกภาพถ่ายโดยผู้เขียน **ดูคลิปเพิ่มเติมที่ https://youtu.be/ZrQfBT8fUl8