ควรจะรับมือกับข่าวลืออย่างไรดี ถ้ามีข่าวลือเกี่ยวกับตัวคุณที่ไม่เป็นความจริง คุณจะทำอย่างไรคะ เวลาคุณดูดาราที่ตกเป็นข่าวลือให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ คุณจะเห็นได้ว่ามีทั้งคนที่รับมือกับข่าวลือได้ดี และคนที่รับมือได้ไม่ดี สำหรับดาราที่รับมือกับคำถามของนักข่าวไม่ดี ส่วนใหญ่มักออกอาการแก้ต่างจนเกินเหตุ หรือใส่อารมณ์รกับนักข่าวที่ถามซอกแซก ยิ่งชี้แจงคนก็ยิ่งสงสัยว่า “คนนี้น่าจะเป็นเหมือนที่เขาลือกันจริง ๆ “ ลองมาดูวิธีการรับมือกับข่าวลือกันค่ะ วิธีรีบมือกับข่าวลือมีอยู่หลัก ๆ ด้วยกัน 2 วิธี 1. เมื่อโดนปล่อยข่าวลือเสียหาย ให้ทุ่มทั้งกายและใจเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองทันที2. ให้อดทนอยู่เฉย ๆ และรอจนกว่าข่าวลือนั้นจะเงียบหายไปเองลองมาดูตัวอย่างประสบการณ์จากผู้เขียนกันค่ะ สมัยเรียนมัธยมปลาย เงินของเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้หายไป 3,000 บาท ซึ่งในวันนั้นเอง เป็นวันวิทยาศาสตร์ที่มีคนพลุกพล่าน ฉันเองก็อยู่ในห้องนั้นด้วย วันต่อมาเป็นวันเกิดของฉัน คุณพ่อได้ซื้อมือถือเครื่องใหม่ให้ เนื่องจากตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญของโรงเรียน มีนักเรียนใช้เป็นจำนวนมาก จนต้องรอคิวนาน ในเช้าวันนั้นเอง เพื่อน ๆ ในกลุ่มของฉัน ได้ยืมโทรศัพท์ไปถ่ายรูปตามประสาเด็กทั่วไป และเพื่อนที่ทำเงินหาย ก็ได้ซุบซิบนินทา และมองมาที่ฉัน ฉันเริ่มรู้สึกถึงการปฎิบัติตัวที่เปลี่ยนไปของเพื่อน ๆ บางคน ที่เชื่อข่าวลือที่ไม่มีมูล และมีการคาดเดากันเรื่อยเปื่อย ทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากมากขึ้นเมื่อต้องทำงานกลุ่มด้วยกัน แล้วทำไมทุกคนถึงไม่ถามฉันโดยตรงล่ะ ?? รูปภาพจาก Pexels.com นั่นก็เพราะว่าเวลาโดนปล่อยข่าวลือเสียหาย หรือเมื่อเราถูกสงสัยว่าทำเรื่องไม่ดี มันจะทำให้พลังในการสื่อสารของเราลดลง พูดง่าย ๆ ก็คือ “คำพูดดูไม่น่าเชื่อถือ” นั่นเอง หากถามไปก็คงไม่น่าจะได้ฟังความจริงจากปาก เมื่อพลังในการสื่อสารลดลง ไม่ว่าเราจะพยายามพูด หรือแสดงออกอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ นอกจากจะไม่สามารถถ่ายทอดสิ่งที่ต้องการสื่อสารได้แล้ว ดีไม่ดีอาจจะถูกเข้าใจผิด หรือตีความไปในทางที่ไม่ดีอีกด้วย ในสถานการณ์ตอนนั้น ฉันอดทนอยู่ประมาณ 2-3 วัน ในระหว่างนั้นถึงจะรู้สึกทรมานต่อการแสดงท่าทีของเพื่อนบางคน แต่ฉันก็พยายามทำตัวตามปกติ ปฎิบัติต่อคนรอบข้างอย่างจริงใจ จากนั้นปล่อยให้เวลาและความจริงเป็นบทพิสูจน์ เมื่อบรรยากาศเริ่มคลี่คลาย พลังในการสื่อสารของเราจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ถึงตอนนั้นเราก็จะสามารถถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองต้องการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว พอฉันบอกคนรอบข้างว่า “ตอนนั้นเรื่องมันเป็นแบบนี้” เพื่อน ๆที่เคยทำท่าทีเย็นชา ก็เชื่อแต่โดยดี อีกไม่กี่วันต่อมา คุณครูประจำชั้น นำเงิน 3,000 บาท ที่เพื่อนคนนั้นทำหายมาให้ เพราะเพื่อนคนนั้นเอง นำเงินใส่สมุดและส่งการบ้านกับครู ตั้งแต่นั้นมา เพื่อนคนนั้นจึงถูกมองว่าเป็นคนไม่น่าเขื่อถือค่ะ ถูกเอาคืน เป็นไงล่ะ 555 และเป็นความโชคดีของตัวฉันเองที่มีเพื่อนสนิทในกลุ่มที่ดี พวกเขามั่นใจว่าฉันไม่ได้เป็นคนขโมยเงินอย่างแน่นอน และบอกกับทุกคนที่เชื่อในข่าวลือนี้. รูปภาพจาก Pixabay.com นี่เป็นเคล็ดลับข้อแรกค่ะ คือ ให้ขอความช่วยเหลือคนที่เป็นที่ไว้วางใจของคนรอบข้าง โดยให้เขาช่วยเป็นตัวกลางในการสื่อสารกับคนอื่น ๆ เคล็ดลับข้อสอง คือ เตรียม “ข้อสนับสนุน” หรือหลักฐานที่แน่ชัด เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ในข้อนี้ผู้เขียนไม่มีค่ะ เนื่องจากห้องนั้น ไม่มีกล้องวงจรปิด และ ไม่มีเพื่อนที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา จึงไม่มีพยานว่าฉันไม่ได้เป็นผู้ขโมยเงิน เคล็ดลับข้อสาม คือ ถ้าข่าวลือเกี่ยวกับเราเป็นเรื่องจริง ให้รีบยอมรับออกมาโดยตรงค่ะสรุปคือ เรารู้ความจริงเกี่ยวกับข่าวลือที่ไม่มีมูลดีอยู้แล้ว ดังนั้น ทำใจให้สงบ อย่าผลีผลาม และรอเวลาเพื่อฟื้นฟูพลังในการสื่อสารในตัวเราก็พอ รูปภาพจาก Pixabay.comขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก : หนังสือพูดให้คนเข้าใจ ง่ายแบบนี้เอง