เคยบ้างไหมที่คำดูถูกดูแคลนของคนอื่นกลับกลายมาเป็นแรงผลักดันเราให้ก้าวต่อไปข้างหน้า บุคคลที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ เป็นเรื่องราวของคนที่เคยดูถูกจากคนรอบข้าง แต่แทนที่พวกเขาจะท้อแท้และหมดหวังไปกับคำพูดเหล่านั้น พวกเขากลับใช้มันเป็นแรงผลักดันให้ทำตามความฝันอย่างมุ่งมั่นจนประสบความสำเร็จ และความสำเร็จของพวกเขานั้นไม่ธรรมดา เพราะมันยิ่งใหญ่ขนาดเปลี่ยนโลกกันไปเลยทีเดียวในวันนี้จะขอกล่าวถึง โทมัส เอดิสัน (Thomas Edison) หลายคนฟังชื่อแล้วคงจะคุ้นหู ใช่แล้วครับ เขาคือนักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20 และสิ่งประดิษฐ์ที่ทุกคนมักนึกถึงเมื่อกล่าวถึงเอดิสันก็คือ “หลอดไฟ” แบบมาตรฐานที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ จริงอยู่ที่เอดิสันไม่ใช่ผู้ที่คิดค้นหลอดไฟเป็นคนแรกของโลก แต่เขาก็เป็นผู้ที่พัฒนาหลอดไฟให้สามารถใช้ได้ในเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ เขายังมีผลงานที่หลายคนอาจไม่รู้จักอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นจานเสียง เครื่องขยายเสียง เครื่องอัดสำเนา กล้องถ่ายภาพยนตร์ ฯลฯเอดิสันเกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1847 ในรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ในวัยเด็กเอดิสันมีโอกาสได้เข้าเรียนในโรงเรียนไม่มากนัก ตอนอายุ 7 ขวบครอบครัวของเขาย้ายไปที่พอร์ตฮูรอน (Port Huron) รัฐมิชิแกน ที่ซึ่งเอดิสันต้องทำงานขายลูกอมและหนังสือพิมพ์บนรถไฟเพื่อช่วยที่บ้านไปพร้อม ๆ กับการเรียนหนังสือ และที่แห่งนี้เองที่ซึ่งครูของเขากล่าวว่าเขานั้น “โง่เกินไปที่จะเรียนรู้อะไร” เนื่องจากครูเห็นว่าเขาไม่สามารถจะมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน มีปัญหาในการใช้คำและการพูด เรียนรู้ช้า ขี้สงสัย และชอบตั้งคำถามต่าง ๆ มากมาย ด้วยเหตุนี้ แม่ของเขาจึงตัดสินใจพาเขาออกจากโรงเรียนและให้เขาเรียนที่บ้านแทน หากเป็นสมัยนี้เราคงต้องพูดว่าเอดิสันนั้นมีคุณลักษณะของความเป็นนักคิดนักทดลอง แต่เขาโชคร้ายที่เจอกับครูที่ไม่เห็นแววอัจฉริยะของเขาหลังจากต้องลาออกจากโรงเรียนเมื่ออายุได้เพียง 12 ปี การเรียนรู้ส่วนใหญ่ของเอดิสันก็มาจากการอ่านหนังสือและการเรียนวิชาเคมี (แบบฟรี ๆ) ที่สถาบันแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า Cooper Union ระหว่างนั้น เงินที่ได้จากการทำงานส่วนใหญ่ ก็มักจะถูกใช้สำหรับการซื้ออุปกรณ์ทดลองไฟฟ้าและเคมีของเขา เมื่ออายุได้ 13 ปีเอดิสันเป็นไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) ซึ่งทำให้เขาเกือบจะหูหนวกทั้งสองข้าง แต่นั่นก็กลายเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อพฤติกรรมของเขา และความปรารถนาที่จะพัฒนาสิ่งประดิษฐ์เพื่อมนุษยชาติ เช่นในปี 1877 เอดิสันได้พัฒนาเครื่องส่งสัญญาณคาร์บอน (Carbon Transmitter) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ปรับปรุงการได้ยินของโทรศัพท์โดยทำให้มันสามารถส่งสัญญาณเสียงได้ดังและมีความชัดเจนมากขึ้นแต่ชีวิตนักประดิษฐ์ของเอดิสันเอง ก็ใช่ว่าจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ เขาต้องผ่านอุปสรรคและความล้มเหลวจากการทดลองมากมายแต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อ อย่างในตอนที่เขาพยายามคิดค้นหลอดไฟฟ้าที่ใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ เขาก็ล้มเหลวกว่า 10,000 ครั้ง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ล้มเหลวหลายครั้ง เขากลับกล่าวว่า “ฉันไม่ได้ล้มเหลว 10,000 ครั้ง ฉันไม่เคยล้มเหลวสักครั้ง ฉันประสบความสำเร็จในการพิสูจน์ว่า 10,000 วิธีเหล่านั้นมันใช้ไม่ได้ เมื่อฉันตัดวิธีที่ไม่สามารถใช้ได้ออกไป ฉันก็จะสามารถค้นพบวิธีที่ใช้งานได้”เอดิสันเสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 1931 จากคนที่ครูเคยดูแคลนว่าสมองทึบ และจากคนที่เกือบจะเรียกได้ว่าหูหนวก เอดิสันได้จดสิทธิบัตรสำหรับสิ่งประดิษฐ์ของเขามากถึง 1,093 รายการ และก่อตั้งบริษัทจำนวน 14 บริษัท ซึ่งหนึ่งในนั้นคือบริษัท เจเนอรัล อิเลคทริค (General Electric) บริษัทระดับโลกที่ยังคงมีอายุยืนยาวมากกว่า 100 ปีจะว่าไปบริษัทในรายชื่อของ Fortune 500 มีเพียงไม่กี่บริษัทหรอกครับที่มีอายุเกินกว่า 100 ปี อ้างอิงจากhttps://en.wikipedia.org/wiki/Thomas_Edisonhttps://www.history.com/topics/inventions/thomas-edisonhttps://www.huffpost.com/entry/21-famous-failures-who-refused-to-give-up_b_57da2245e4b04fa361d991bahttps://www.businessinsider.com/successful-people-who-failed-at-first-2015-7#thomas-edisons-teachers-told-him-he-was-too-stupid-to-learn-anything-10 ขอบคุณภาพภาพปก Pixabayภาพที่ 1 Pixabayภาพที่ 2 wikipediaภาพที่ 3 Pixabayภาพที่ 4 Pixabay