ข้าวยำ มหัศจรรย์อาหารใต้ ข้าวยำ อาหารพื้นถิ่นภาคใต้จะมีมากและเป็นนิยมทางภาคใต้ตอนล่าง พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี เป็นอาหารโบราณ เป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ที่สร้างสรรค์เมนูเพื่อสุขภาพไว้ให้คนรุ่นหลัง เมนูที่อุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ ไอโอดีน อยู่ในจานเดียว ส่วนประกอบใน 1 จานที่เรียกว่า ข้าวยำ ได้แก่ ข้าวสวย ที่อาจหุงผสมด้วยดอกอัญชัน , ขมิ้น หรือจะเป็นข้าวมันปู ก็ได้ ผัก ได้แก่ ถั่วฝักยาวซอย, ถั่วงอก, ใบพาโหมซอย (เป็นผักพื้นบ้านที่มีกลิ่นเฉพาะเสริมรสชาดอาหารให้ชวนรับประทานมากขึ้น) ถั่วพลูซอย หรือใช้ผักสวนครัว รั้วกินได้ที่คุณมีก็ไม่ว่ากัน ในปัจจุบันมีการดัดแปลง ใช้แครอทซอย กระหล่ำปลีสีม่วงซอย เพื่อเพิ่มสีสันและเพิ่มราคาขาย (แต่สำหรับผู้เขียนรู้สึกว่ามันไม่อร่อยเท่าผักพื้นบ้าน) สมุนไพร ได้แก่ ตะไคร้ซอย, ใบมะกรูดซอย, ข่าซอยละเอียด (ยิบ), พริกป่น, มะนาว (ในกรณีไม่มีมะม่วงเปรี้ยวซอย) ผลไม้ ได้แก่ ส้มโอ หรือ มะม่วงเปรี้ยวซอย อื่นๆ ได้แก่ มะพร้าวคั่ว, ปลาป่น หรือกุ้งแห้งป่น, เส้นหมี่ผัด พระเอกของเมนู น้ำข้าวยำ หรือน้ำบูดู แต่ละบ้าน แต่ละจังหวัดก็จะมีเทคนิควิธีการปรุงรสที่ต่างกัน แต่ก็อร่อยไม่แพ้กัน ประโยชน์ล้นๆ จะเรียกว่าอาหารคลีนก็คงไม่ผิด เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมอาหาร ควบคุมน้ำหนัก เพราะปราศจากไขมัน คุณได้อิ่มตา อิ่มท้องและได้สารอาหารครบถ้วน ปัจจุบันคุณสามารถหาทานเมนูนี้ได้เกือบทั่วประเทศแต่รสชาติก็จะไม่อร่อยเหมือนกับทางภาคใต้ เพราะที่มีขายในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดอื่น ผู้ขายส่วนใหญ่จะปรุงน้ำบูดูโดยการใช้น้ำตาลเคี่ยวปรุงรสเค็มด้วยเกลือ เติมสีสันให้คล้ายน้ำบูดู แต่รสชาติต่างกันโดยสิ้นเชิง น้ำบูดูของแท้จะทำมาจากการหมักปลา (คล้ายๆ การทำปลาร้าของภาคอีสาน) และนำมากรองเอาแต่น้ำจากนั้นปรุงรสตามสูตรของใครของมัน มีกลิ่นหอมจากปลา จากเครื่องปรุงรสต่างๆ (แค่คิดน้ำลายสอ) ที่มาของคำว่า ข้าวยำ ด้วยว่าก่อนการรับประทาน เราจะนำส่วนประกอบทั้งหมดมาใส่ในจานเดียวกันและคลุกเคล้ารวมกันจนเข้ากันดีเหมือนการยำ จึงเป็นที่มาของคำว่า ข้าวยำ และทริคของการรับประทานข้าวยำให้อร่อย แนะนำว่าควรใส่ข้าวนิดหน่อย ใส่เครื่องเยอะ และควรราดน้ำยำให้ชุ่มฉ่ำไปเลยค่ะ **รสชาดเด็ดของข้าวยำเมื่อคลุกเคล้าดีแล้ว จะได้เปรี้ยว เผ็ด และกลมกล่อมของน้ำบูดู** รูปภาพทั้งหมดโดยนักเขียน