ในอดีต เวลารถติดไฟแดงตามสี่แยก เด็กขายพวงมาลัยจะเป็นอาชีพที่เราพบเจอได้เกือบทุกสี่แยก และอาจจะพ่วงการเช็ดกระจกเข้ามาด้วย แต่ในระยะหลัง นอกจากพวงมาลัยแล้วยังมีสินค้าต่าง ๆ มาขายกันมากมาย ทั้งของเล่น ของใช้ ของกิน ไม้กวาดหยากไย่บ้าง ปืนฉีดน้ำฟองสบู่บ้าง มะม่วงน้ำปลาหวานบ้าง และสินค้าที่ฮิตมานานก็คือข้าวเกรียบว่าว เห็นแล้วก็คิดถึงบ้านเกิดยามสงกรานต์ ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือของไทยที่มักจะเรียกว่า “ล้านนา” นี้ เรามีวัฒนธรรมของเราที่แตกต่างไปจากวัฒนธรรมไทยภาคกลางและภาคอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษา การแต่งกาย หรือวัฒนธรรมอื่น ๆ เช่น อาหารการกิน บ้านเรือนที่อยู่อาศัย ฯลฯ ข้าวควบก็เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมอาหารของล้านนาที่มีเกี่ยวข้องกับประเพณีพิธีกรรมสำคัญ นั่นก็คือเทศกาลปีใหม่เมืองหรือสงกรานต์นั่นเอง ในวัฒนธรรมล้านนา เทศกาลปีใหม่เมืองจะแบ่งออกเป็น 3 วันสำคัญ ได้แก่ วันสังขานต์ล่อง วันเนาว์ และวันพญาวัน แต่ละวันจะมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทำต่างกันไป แต่วันที่สำคัญที่สุดคงจะไม่พ้นวันพญาวัน เพราะเป็นวันที่ใหญ่กว่าวันอื่น ๆ หลังจากที่ไปทำบุญที่วัดในช่วงเช้าแล้ว คนล้านนาจะเริ่มออกไปรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคารพนับถือ ข้าวของที่คนล้านนาจัดเตรียมไปดำหัวผู้ใหญ่นั้น มักจะเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ หอม กระเทียม ขนมต่าง ๆ เช่น ข้าวควบ ข้าวแคบ ผลไม้ เป็นต้น โดยจะจัดเตรียมไปพร้อมกับน้ำขมิ้นส้มป่อย ซึ่งคนล้านนาถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถชำระล้างสิ่งไม่ดีออกไปได้ ข้าวควบ ข้าวแคบที่นำไปดำหัวผู้ใหญ่นั้นเป็นขนมพื้นเมืองที่ในอดีตนั้นคนล้านนาจะทำในช่วงหนึ่งอาทิตย์ก่อนถึงเทศกาลปีใหม่เมือง วิธีการทำข้าวแคบนั้นคล้ายกับการทำข้าวเกรียบปากหม้อ คือละเลงแป้งข้าวเหนียวลงบนหม้อที่ใส่น้ำและขึงด้วยผ้าขาวบาง เมื่อแป้งสุกก็จะนำไปตากให้แห้ง สามารถนำไปปิ้งหรือทอดเพื่อรับประทาน ส่วนข้าวควบนั้นจะมีกรรมวิธีที่ยุ่งยากกว่า จึงหาดูวิธีการทำได้ยากกว่า การทำข้าวควบจะต้องเตรียมวัตถุดิบหลายอย่าง เช่น ข้าวเหนียวที่นึ่งสุก น้ำอ้อยที่นำไปเคี่ยวจนเป็นน้ำ น้ำมันหมู ไข่แดงสุก ใบตอง เป็นต้น ด้วยเหตุที่การทำข้าวควบมีวิธีการที่ค่อนข้างยุ่งยากและใช้แรงงานหลายคน การทำข้าวควบแต่ละครั้งจึงอาศัยคนในละแวกบ้านมาช่วยกันทำ เช้าวันนี้ทำข้าวควบของบ้านนี้ ช่วงบ่ายทำของอีกบ้าน ถ้ายังไม่เสร็จก็ทำพรุ่งนี้ มะรืนนี้ เหมือนการช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าว เวลาจะทำข้าวควบแต่ละครั้งนั้นจะเริ่มต้นทำตั้งแต่เช้า โดยจะนึ่งข้าวเหนียวให้สุกแล้วนำมาเตาในครกกระเดื่องจนเป็นแป้งเหนียว คล้าย ๆ โมจิของญี่ปุ่น ซึ่งการตำในครกกระเดื่องจะใช้แรงงานช่วยกันตำหลายคน เพราะเวลาที่ข้าวเหนียวเริ่มกลายเป็นแป้งเหนียว ๆ นั้นจะมีความหนืดมาก ต้องออกแรงกันมากกว่าการตำข้าวปกติ พอข้าวเหนียวกลายเป็นแป้งเหนียวได้ที่แล้ว จะนำเอาน้ำอ้อยที่ละลายเป็นน้ำลงไปคลุกเคล้าและตำจนน้ำอ้อยซึมเข้าไปในแป้งจนหมด จึงนำแป้งข้าวเหนียวที่ตำในครกไปใส่ในภาชนะ แป้งที่ตำคลุกเคล้ากับน้ำอ้อยก็จะไม่ติดครกหรือภาชนะ กระบวนการที่สำคัญต่อจากนั้นคือการ “ชักข้าวควบ” หรือการแผ่แป้งให้เป็นแผ่นบาง ๆ เพราะข้าวควบจะขยายตัวได้ดีหรือไม่เมื่อนำไปย่างก็ขึ้นอยู่กับความละเอียดในการแผ่แป้งนี่แหละค่ะ เพราะถ้าหากแผ่แป้งไม่สม่ำเสมอ ความหนาบางไม่เท่ากัน เมื่อนำไปย่าง ข้าวควบก็จะพองขยายตัวได้ไม่เท่ากัน ทำให้ทานไม่อร่อย การชักข้าวควบจึงต้องค่อย ๆ ใช้นิ้วกดนวดแป้งและแผ่ออกไปอย่างสม่ำเสมอกัน และมีเคล็ดลับในการทำให้ข้าวควบพองฟูสวยงามเมื่อนำไปย่างคือ ต้องใช้ไข่แดงต้มสุกมายีผสมในน้ำมันที่ใช้ทาบนใบตอง การชักข้าวควบนั้นจะแผ่แป้งนั้นจะแผ่บนแผ่นไม้กระดานหรือกระเบื้องที่มีความกว้างพอสมควร รองด้วยใบตองหรือพลาสติก จะทำขนาดไหนก็ได้แล้วแต่ความชอบ แต่โดยทั่วไปมักจะทำขนาดประมาณจานข้าว เพราะเวลาย่างแล้วข้าวควบจะพองตัว ขยายออกไปอีกประมาณ 2 เท่า เมื่อแผ่แป้งออกไปจนได้ขนาดที่ต้องการและความหนาบางเท่ากันดีแล้วก็จะนำไปตากแดดให้แห้ง แต่ข้าวควบนี่ถึงแม้ว่าจะตากให้แห้งอย่างไร พอทิ้งไว้สักพักก็จะอ่อนตัว สามารถพับได้โดยแผ่นไม่แตก ส่วนใหญ่แล้วเวลาเก็บก็จะเก็บซ้อนกันเป็นตั้ง ๆ เวลาจะย่างก็จะต้องมีอุปกรณ์ช่วย จะใช้ไม้ไผ่สานขัดแตะวางบนเตาแล้ววางข้าวควบลงไปย่างก็ได้ หรือจะใช้ไม้ไผ่ผ่าปลายไม้ให้แตกออกเป็นซี่ ๆ แล้วใช้ไม้นี้คอยพลิกแผ่นข้าวควบกลับไปมาก็ได้ ข้าวควบเป็นขนมที่คนล้านนาชื่นชอบเพราะเก็บไว้รับประทานได้นาน ในอดีตนั้น ขนมของว่างไม่ได้มีมากมายเหมือนในปัจจุบัน ขนมอื่น ๆ เช่น ขนมจ็อกหรือขนมเทียน ขนมปาดก็มักจะทำเมื่อถึงเทศกาลหรือวันสำคัญเท่านั้น แต่ข้าวควบและข้าวแคบนั้น สามารถเก็บไว้ได้นาน เอามาย่างรับประทานเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้น ผู้เฒ่าผู้แก่บ้านไหนที่มีคนเคารพนับถือมากก็จะมีข้าวควบ ข้าวแคบที่มีคนเอามาดำหัวเก็บใส่กระบุงไว้รับประทานได้ทั้งปี ด้วยเหตุที่มีเรื่องราว ความทรงจำ และมีคุณค่าทางวัฒนธรรมในตัวเองอย่างนี้ คนล้านนาหลายคนจึงมองว่าข้าวควบนั้นเป็นขนมที่มีอะไร ๆ ให้หวนระลึกถึงและเป็นมากกว่าข้าวเกรียบว่าวที่เร่ขายกันตามสี่แยกไฟแดง