ข้ามมหาชัย ไปท่าฉลอม ยลแม่กลอง พร้อมเสียงรถไฟ การเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟ หลายคนอาจมองว่าเชยแสนเชย ด้วยเวลานี้มีการเดินทางในรูปแบบอื่นสะดวกสบายมากกว่าการนั่งรถไฟเป็นไหน ๆ แต่ถึงกระนั้น การหย่อนอารมณ์ด้วยการนั่งรถไฟ พร้อมชมความงามแห่งวิถีชีวิตที่เลือนผ่านตามบานหน้าต่างรถไฟ มันคือความสุขที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา สามารถปล่อยตัวเองให้เลื่อนไหลไปตามจังหวะเสียงล้อรถไฟบดราง เที่ยวตามราง ยังคงมีเสน่ห์ตรึงใจ โดยเฉพาทางรถไฟที่เจือไปด้วยกลิ่นอายประวัติศาสตร์ ที่ถูกถ่ายทอดขับขานด้วยเสียงเพลง บอกเล่าวิถีต่าง ๆ บนรอยราง ทางรถไฟสายแม่กลอง คือเส้นทางที่เลือกครับ เส้นทางรถไฟสายนี้ถูกถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ด้วยบทเพลงชั้นครู ที่นำภาพตามรอยรางรถไฟที่เคลื่อนตัวไปบนทางรถไฟสายแม่กลอง ผ่านท้องถิ่นอันเป็นตำนาน และถูกเล่าขานออกมาด้วยบทเพลง เริ่มต้นการเดินทางไปตามเสียงเพลงแห่ง มหาชัย และแม่กลอง พร้อมเสียงหวูดรถไฟครับ รอยเพลงบนรอยราง ทางรถไฟสายแม่กลอง ทางรถไฟสายแม่กลอง เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวตามรางรถไฟที่ได้รับความนิยมอย่างมาก กับเรื่องราวของ ตลาดร่มหุบ ที่สร้างความน่าสนใจจากนั่งท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้มาเยี่ยมเยือนดูมหกรรมการหุบร่มหลบรถไฟ ที่เรียกได้ว่ามีความเร็วเข้าขั้น Fast & Furious แต่สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ผมเลือกให้ความสนใจกับเมืองรายทาง ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งแห่งตำนานที่ขับขานด้วยเสียงเพลงจากบรมครู ครูชรินทร์ นันทนาคร ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเมืองตามรางรถไฟสายแม่กลองได้อย่างดงามหมดจด โดยเมืองเป้าหมายแห่งการเดินทางครั้งนี้คือเมือง ท่าฉลอม มหาชัย และ ไปจบท้ายที่แม่กลอง หลายคนคงสงสัย เมืองทั้งสามนี้อยู่ที่ไหน เด็กรุ่นใหม่อาจไม่คุ้นเคย แต่ถ้าเราเรียกว่า จังหวัด สมุทรสาคร และ สมุทรสงคราม เชื่อว่า คนทั่วไปรู้จักกันแน่ถึงเมืองแห่งสายน้ำจนมีนามว่า สมุทร หรือ ท้องทะเลเป็นส่วนหนึ่งของชื่อจังหวัด สำหรับท่าฉลอมและมหาชัย เป็นเมืองย่อยที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร ส่วนเมืองแม่กลอง คือชื่อดั้งเดิมของจังหวัดสมุทรสงคราม จากวงเวียนใหญ่สู่มหาชัย แทบจะเรียกได้ว่า เขียนกันอีกเรื่องหนึ่งเลยก็ได้ สำหรับ สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ สถานีรถไฟขนาดเล็กแต่เรื่องราวของที่นี่ใหญ่สมชื่อ การเดินทางสู่สถานีวงเวียนใหญ่อาจต้องเดินลัดเลาะไปตามชุมชนจนอาจเกิดอากาศผวา “ หลงทางไหมนะ ” เพราะสถานีนี้เล็กมาก สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของสถานีรถไฟสายแม่กลองทำหน้าที่ลำเลียงข้าวของจากเมืองพระนครสู่เมืองแห่งท้องน้ำ และน้ำผลผลิตจากท้องทะเลกลับคืนสู่เมืองหลวง แต่เดิมจุดสิ้นสุดของทางโรงไฟสายแม่กลองอยู่ที่ สถานีรถไฟคลองสาน ที่ในปัจจุบันงดการเดินรถไปแล้ว สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเดินทางของเราแทน ตัวสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ ยังคงรักษาสภาพตัวอาคารเรือนไม้ชั้นเดียวแบบดั้งเดิม นี่ถ้าตั๋วรถไฟยังจำหน่ายเป็นตั๋วแข็งแบบเดิม คงดูดีมีเสน่ห์ใช่น้อย จำนวนเที่ยวจากสถานีวงเวียนใหญ่ มีวันละ 17 เที่ยว ซึ่งระหว่างทางเรายังคงได้เห็นวิถีเก่าแห่งฝั่งธนที่เต็มไปด้วยสวนผลไม้และร้านอาหารอร่อยอย่างสถานีตลาดพลู เส้นทางสายวัฒนธรรม เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นป่าชายเลนและนาเกลือแต้มด้วยโรงงามอุตสาหกรรม นั่นหมายความว่า เรากำลังเดินทางเข้าสู่ เขตเมืองมหาชัย นาม สมุทรสาคร กันแล้ว จากมหาชัยไปท่าฉลอม เมืองมหาชัย หรือ ตัวเมืองสมุทรสาคร เมืองนี้ในความทรงจำคือเมืองแห่งแหล่งอาหารทะเลชั้นเลิศ หลังจากรถไฟเคลื่อนตัวเข้าเทียบชานชาลาปลายทางมหาชัย ภาพของเสากระโดงเรือประมงหลายสิบลำปรากฏตัดขอบฟ้า บอกเล่าถึงวิถีประมง ออ ต้องเตือนกันไว้ก่อน สำหรับคนที่จะไปต่อยังเมืองแม่กลอง เราจะต้องนั่งเรือข้ามฟากจากฝั่งมหาชัย ไปขึ้นรถไฟต่อที่สถานีบ้านแหลมนะครับ โรนิน ออน เดอะเวย์ ก็เกือบพลาดเพราะมัวแต่ชมตลาด กับความลานตาของอาหารทะเลนานา ทั้งอาหารทะเลสด ๆ ผลผลิตจากอ่าวไทย หรือ อาหารทะเลแปรรูป ทั้งปลาหมึกแห้ง ปลาอินทรีเค็ม เรียกว่า เป็นเมืองสมุทรที่อุดมไปด้วยทรัยพ์สินจากท้องน้ำ เรามาเดินขึ้นเรือของ โป๊ะข้ามฟากเทศบาลมหาชัย เพื่อข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ณ ที่นั่น เคยเป็นตำนานเรื่องราวความรักระหว่างหนุ่มท่าฉลอมและสาวมหาชัย จากบทเพลงหวานของครูชนินทร์ เพลงท่าฉลอม เรื่องราวความรักของหนุ่มท่าฉลอมที่ยอมว่ายน้ำข้ามแม่น้ำท่าจีนเพื่อเอาปลาทู มะพร้าว รวมไปถึงอาหารทะเลนานา เพื่อไปส่งให้สาวที่ตนหลงรัก ณ ฝั่งมหาชัย จนกลายเป็นบทเพลงความรักแห่งตำนานความผูกพันแห่งท่าฉลอม และมหาชัย ไปถิ่นแม่กลอง เมื่อเราข้ามแม่น้ำมายังฝั่ง ท่าฉลอม เหตุการณ์สนุกอลเวงก็เกิดขึ้น ด้วยเสียงเรียกของเหล่าสิงห์นักบิดพี่วินมอเตอร์ไซด์บอกให้เรารีบขึ้นรถไปยัง สถานีบ้านแหลม เพราะ รถไฟจะออกแล้ว !!! แย่ละ นี่คือรถไฟเที่ยวสุดท้ายสำหรับการไปแม่กลองด้วย ตอนแรกคิดว่าพี่ ๆ เขาหลอก แต่พอเห็นเพื่อนร่วมขบวนรีบกระโดดขึ้นรถโดยสาร ทั้งมอเตอร์ไซด์และตุ๊ก ๆ ก็เลยต้องโดดขึ้นตาม โชคดีที่เชื่อพี่เขา เพราะเรามาถึงชานชาลา บ้านแหลม เพียงห้าหน้าที่ก่อนรถไฟออก คงเป็นมนต์เสน่ห์น่ารัก และหลายคนคงถามว่า ทำไมไม่สร้างทางรถไฟข้ามน้ำต่อเดียวให้จบเรื่องไป อาจด้วยรูปแบบการสร้างทางรถไฟในครั้งก่อนที่เน้นการขนส่งระยะสั้น จึงทำให้ทางรถไฟสายแม่กลองไม่เชื่อมต่อกันระหว่างสถนีมหาชัย และบ้านแหลม หลังจากตีตั๋วรถรถไฟ โรนิน ออน เดอะเวย์ แอบเมียงมอง อืม มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากทีเดียวที่สนใจการเดินทางท่องเที่ยวบนเส้นทางสายนี้ แอบหวังลึก ๆ ว่า การรถไฟ และจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม คงพัฒนารูปแบบการเดินทางให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ รถไฟคันน้อยสีแดงสด เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากบ้านแหลม ทิ้งเมืองมหาชัย และท่าฉลอมไว้ด้านหลัง ทัศนียภาพของดงโรงงาน และกองเรือประมง เริ่มเปลี่ยนเป็น พื้นที่เวิ้งว้างของป่าชายเลน หาดเลน และนาเกลือ ใช่ครับ นาเกลือที่ปรากฏอยู่ระหว่างทาง เป็นสัญญาณบอกว่า เรากำลังเข้าสู่ เมืองแม่กลอง เป้าหมายหลักของการเดินทางสำหรับใครก็ตามที่สนใจอยากชมตลาดร่มหุบ แต่เพราะครั้งนี้ ผมตั้งใจซึมซับกับบรรยากาศรอบข้าง ป้ายสถานีที่ทำให้ผมตื่นเต้น คือทุกป้ายบนรอบทางรถไฟ ฝูงนกชายเลนที่อพยพหนีหนาวจากตอนเหนือของโลก มาพักอยู่บ้านกาหลง บ้านรางจันทร์ ถิ่นอาหารทะเลขึ้นชื่อที่ถูกลืมไป ณ ปัจจุบัน ด้วย ถ.พระรามสองที่ทำให้ชุมชนถูกตัดขาด คงเหลือแต่ความเงียบเหงา พร้อมเหล่านกชายเลนที่กลายเป็นการท่องเที่ยวใหม่สำหรับชาวบ้านแถบนี้ นาเกลือแห่งเมืองแม่กลอง สัญลักษณ์สำคัญของเมืองแม่กลอง หรือ สมุทรสงคราม นอกจากปลาทู หน้างอคอหักก็คงเป็น นาเกลือ สุดลูกหูลูกตา อุตสาหกรรมการทำเกลือสมุทรแบบดั้งเดิมที่วิดน้ำทะเลขึ้นมาตากให้แห้งตามขั้นตอนและวิธีการแบบโบราณ จนได้มาซึ่งผลึกเกลือสีขาวขุ่น ที่ต้องใช้หยาดเหงื่อแลกเกลืออีกต่อ เพราะขั้นตอนการอบเกลือในโรงเก็บเกลือ มันคืออุณหภูมิความร้อนแสนมหาศาลท่ามกลางอากาศสุดร้อนอบอ้าว เพื่อให้ได้เกลือชั้นดี แต่ทำไมราคาไม่ดีตามคุณค่าเกลือ เกลือสมุทรแห่งแม่กลอง มีราคาซื้อขายตั้งแต่หนึ่งบาท มันถูกจนต้องตั้งคำถามว่า เกลือแม่กลอง มันดีสู้เกลือหิมาลัยไม่ได้เชียวหรือ ค่าของเกลือมันลดลงจนหวั่นใจว่า วันหนึ่งเรื่องราว นาเกลือแม่กลอง จะเลือนหายกลายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมและบ้านจัดสรร ทิ้งไว้แต่ความทรงจำว่าวันหนึ่งแม่กลองคือ เมืองผลิตเกลือ สุดท้ายของการเดินทาง รถไฟของเราเดินทางสู่สถานีรถไฟแม่กลอง สุดเส้นทางสายเมืองสมุทร ขณะที่รถไฟของเราเตรียมเข้าเทียบชานชาลา มหกรรมร่มหุบ แห่ง ตลาดร่มหุบ สถานีรถไฟแม่กลอง อันลือลั่นที่ส่งให้นักท่องเที่ยวต่าง ๆ ต้องพากันมาร่วมหุบร่ม ไปพร้อม ๆ กับพ่อค้าแม่ค้า จำนวนนักท่องเที่ยวเยอะแยะมากมายที่รอถ่ายภาพรถไฟวิ่งเข้าเทียบชานชาลา เล่นเอาคนบนรถไฟกลายเป็นดารา มีคนโบกไม้โบกมือให้เราเป็นระยะ เมื่อรถไฟจอดเทียบ ต่างกรูกันมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก จนเมื่อถึงเวลารถไฟจะเดินทางกลับ มหกรรม หุบร่มพรึบพรับจึงเกิดอีกครั้ง รอจนกระทั่งรถไฟจากลา จึงออกมาบันทึกภาพกันอีกรอบพร้อมรอยยิ้มและความทรงจำ เส้นทางรถไปสายแม่กลอง จาก วงเวียนใหญ่ สู่ มหาชัย หรือ สมุทรสาคร ต่อไปยัง ท่าฉลอม ขึ้นรถไฟต่อที่ สถานีบ้านแหลม สู่แดน แม่กลอง จังหวัด สมุทรสงคราม ไม่ได้มีคุณค่าและความงามเพียงความมหัศจรรย์ของตลาดร่มหุบ แต่เรื่องราวระหว่างทางทั้งอาหารทะเล ป่าชายเลน และนาเกลือ คือเรื่องราวอันงดงามที่ขับขานความเป็นมหาชัยและแม่กลองไปทุกยุคสมัย การเดินทาง นั่งรถไฟไปชมตลาดร่มหุบ เริ่มจากนั่งรถไฟจากวงเวียนใหญ่ – มหาชัย ค่าโดยสาร 20 บาท เดินรถวันละ 17 เที่ยว ค่าเรือข้ามฟาก มหาชัย – ท่าฉลอม 5 บาท พี่วินมอเตอร์ไซด์ 40 บาท รถไฟสาย บ้านแหลม – แม่กลอง ค่าโดยสาร 10 บาท เดินรถวันละ 4 เที่ยว เครดิตภาพถ่าย 1-10 โรนิน ออน เดอะเวย์ ผู้เขียน