ส่วนตัวแล้วเรามองว่าความคิดของการยึดติดกับความสมบูรณ์แบบทั้งหมดเป็นสิ่งเลวร้าย แต่เอาเข้าจริงเรารู้ว่ามันไม่ได้พูดง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ ถ้าคุณถามเราว่า “การเป็นคนรักความสมบูรณ์แบบมันดีไหม?” ตามความหมายนี้เราก็คงต้องยอมรับว่าการเป็นคนสมบูรณ์แบบก็มีมุมที่ดีอยู่เหมือนกันค่ะ ขอบคุณภาพจาก freepik.comการยึดติดความสมบูรณ์แบบมีอยู่หลายระดับตั้งแต่ “ระดับปกติจนถึงระดับคลั่งขึ้นสมอง” และการยึดติดความสมบูรณ์แบบในระดับปกติก็ถือว่าเป็นเรื่องดี มีคนกล่าวว่า คนรักความสมบูรณ์แบบในระดับปกตินั้น “พิถีพิถันในสถานการณ์ต่าง ๆ น้อยกว่า” ในขณะที่คนรักความสมบูรณ์แบบระดับคลั่งขึ้นสมองนั้น “จะไม่พึงพอใจกับอะไรทั้งนั้น เพราะในสายตาของพวกเขา พวกเขาไม่เคยทำอะไรได้ดีพอที่จะสนองความรู้สึกตัวเองได้เลยค่ะ” แล้วคำว่า “พิถีพิถันน้อยกว่า” เกี่ยวข้องกับการยึดติดความสมบูรณ์แบบไปได้ยังไง ในเมื่อมันมีความหมายว่า จะไม่ยอมรับอะไรก็ตามที่ขาดความพิถีพิถันที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว มาตราฐานส่วนตัวทำให้เกิดลักษณะในแง่บวก แต่ก็ยังเกี่ยวเนื่องอาการซึมเศร้าด้วยค่ะ เพราะมันประกอบมาจากลักษณะ 2 อย่าง นั่นก็คือ การแสวงหาความยอดเยี่ยมและความคาดหวังที่สูง เราควรแยกลักษณะสองอย่างนี้ออกจากกัน การแสวงหาความยอดเยี่ยมโดยตัวมันเองแล้วเป็นสิ่งที่ดี ปัญหาอยู่ตรงที่ความคาดหวังที่สูงต่างหากล่ะคะ ขอบคุณภาพจาก freepik.comและยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่า ความเป็นคนมีระเบียบชอบจัดการเป็นส่วนหนึ่งของการยึดติดความสมบูรณ์แบบหรือไม่ ไม่ใช่นักวิจัยทุกคนที่จะเห็นด้วยกับประเด็กนี้ ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใด การยึดติดความสมบูรณ์แบบก็ไม่เป็นผลดี สรุป “การยึดติดความสมบูรณ์แบบที่ดูเหมือนจะดีต่อเรา” เราไม่เรียกคนรักความสมบูรณ์แบบที่พอเหมาะว่าเป็นพวกที่ใฝ่หาแต่ความสมบูรณ์แบบที่แท้จริง ๆ หรอกค่ะ ประโยคนี้มันสำคัญมากค่ะ ถ้าโลกเราประจักษ์ถึงความจริงในคำพูดนี้ เราก็คงไม่สับสนว่าการยึดติดความสมบูรณ์แบบเป็นยังไงแต่ที่พวกเราสับสนกันอยู่เป็นเพราะว่าการแสวงหาความยอดเยี่ยมเป็นส่วนสำคัญในเส้นทางสู่ความสำเร็จของแต่ละคน ผลก็คือ หลาย ๆ คนมองว่าการยึดติดความสมบูรณ์แบบเป็น “การดิ้นรนที่จำเป็น” ต่อความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขางานศิลปะทั้งหลาย รวมถึงทุกมุมมองที่ส่งผลร้ายทุกอย่าง ขอบคุณภาพจาก freepik.comถ้าคุณเชื่อว่าคุณต้องเป็นคนรักความสมบูรณ์แบบถึงจะทำทุกสิ่งอย่างได้สำเร็จ คุณก็จะมีแนวโน้มจะวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองรุนแรงเกินจำเป็น และมองนิสัยรักความสมบูรณ์แบบแสนอันตรายว่าเป็นเรื่องธรรมดาหรือเป็นสิ่งจำเป็นด้วยซ้ำ ก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะค่ะ ความหมายของการยึดติดความสมบูรณ์แบบที่ครั้งหนึ่งเคยชัดเจนยังคงพร่ามัวและแทรกซึมอยู่ในสังคมของเรา เราสามารถยกตัวอย่างคำพูดของคนดังที่อ้างว่าตัวเองเป็นคนรักความสมบูรณ์แบบได้หลายหน้ากระดาษ ส่วนใหญ่พูดไว้ว่าพวกเขาแสวงหาความยอดเยี่ยมบางคนบอกว่าเขาเป็นคนชอบวิจารณ์ตัวเองด้วยซ้ำ บางคนก็เป็นทั้งสองอย่างในบรรดาคำพูดอย่าง “ฉันเป็นคนรักความสมบูรณ์แบบ” ที่บ่งบอกความหมายได้เลือนราง เราพบคำพูดของบุคคลที่มีชื่อเสียงเพียงสองคนที่ดูเหมือนว่า พวกขาแยกแยะการยึดติดความสมบูรณ์แบบออกจากการแสวงหาความยอดเยี่ยมได้ค่ะ ขอบคุณภาพจาก freepik.comถึงแม้ว่าเราอยากจะเปลี่ยนความเข้าใจต่อคำว่าการยึดคิดความสมบูรณ์แบบ โดยแยกคำสองคำที่ผลดีต่อชีวิต คือ การแสวงความยอดเยี่ยมและความเป็นคนมมีระเบียบชอบจัดการออกจากคำนี้ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงรวมคุณลักษณะทั้งสองอย่างไว้ในความหมายของการยึดติดความสมบูรณ์แบบอยู่ ถ้างั้นอย่างน้อยพวกเรามาขีดเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างการยึดติดความสมบูรณ์แบบที่ส่งผลเสียกับการยึดติดความสมบูรณ์แบบที่มีประโยชน์ต่อชีวิตกันดีกว่าค่ะ เราได้เรียนรู้สิ่งสำคัญบางอย่างจากการแก้ปัญหาและจากชีวิต การเริ่มต้นจากจุดทุกสิ่งเป็นอยู่นั้นดีที่สุดไม่ใช่เริ่มจากจุดที่คุณอยากให้มันเป็น ตอนนี้ลักษณะที่ดีต่อชีวิตทั้งสองอย่างได้หลอมรวมอยู่กับนิยายของคำว่าการยึดติดความสมบูรณ์แบบแล้ว ถ้าเราพิจารณาการแสวงหาความยอดเยี่ยมและเป็นคนมีระเบียบชอบจัดการอย่างกว้าง ๆ ให้เป็นส่วนหนึ่งของคำว่าการยึดติดความสมบูรณ์แบบก็นับว่าการยึดติดความสมบูรณ์แบบไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมดค่ะ ปกติแล้วยาพิษเพียงหยดเดียวก็สามารถทำให้น้ำทั้งถึงเป็นพิษได้ แต่ในกรณีนี้ การยึดติดความสมบูรณ์แบบที่ส่งผลดีกับชีวิตคือน้ำเพียงหนดเดียวที่เจือจางพิษในถึงที่เต็มไปด้วยการยึดติดความสมบูรณ์แบบที่เป็นพิษ เราพูดถึงน้ำหยดนี้ไปแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลามาพิจารณตัวยาพิษกันบ้างค่ะ...” ขอบคุณภาพปกจาก freepik.com