ขันตั้ง : เครื่องบูชาครูของชาวล้านนา ในพิธีกรรมต่างๆของล้านนามักมีการกล่าวถึงเครื่องประกอบพิธีกรรมที่เรียกว่า “ขันตั้ง” เสมอ ขันตั้ง คือ ของที่จัดไว้สำหรับบูชาหรือใช้ยกครูในเวลาจะประกอบพิธี สิ่งของที่จะจัดใส่ในพาน(ภาคเหนือเรียกว่าขัน)หรือในภาชนะอื่น ๆ ที่มีลักษณะก้นลึกพอสมควร ของที่ใช้บูชาครูนั้นส่วนใหญ่เป็นของที่ใช้สอยในชีวิตประจำวัน เช่น หมาก พลู ดอกไม้ เทียน ผ้าขาว ผ้าแดง ข้าวเปลือก ข้าวสาร เป็นต้น มีการกำหนดจำนวนสิ่งของในขันตั้งแต่ละงานไม่เหมือนกัน ขันตั้งจะมีเท่าใดสามารถดูที่สวยดอกไม้ และสวยหมากพลู เป็นสำคัญ ขันตั้งมีจำนวนตั้งแต่ ๔ , ๘ , ๑๒ , ๓๒ , ๓๖ และ ๑๐๘ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีความหมายเกี่ยวกับ ธาตุทั้ง ๔ คือ หรือเกี่ยวกับคุณที่ศักดิ์สิทธิ์ มีคุณมารดา บิดา คุณพระรัตนตรัย เป็นต้น ขันตั้ง ๔ หมายถึง ธาตุทั้ง ๔ (ดิน น้ำ ลม ไฟ) หรือ อริยสัจจ ๔ ขันตั้ง ๘ หมายถึง มรรคมีองค์ ๘ ขันตั้ง ๑๒ หมายถึง อาโปธาตุ ธาตุน้ำ ๑๒ อย่าง หรือคุณแม่ ๑๒ หรือคุณแม่ธรณี ๑๒ ขั้นตั้ง ๑๖ หมายถึง โสฬสญาณ แห่งพระพุทธเจ้า ๑๖ ประการ ขั้นตั้ง ๓๒ หมายถึง อาโปธาตุ รวมกับปฐวีธาตุ หรือ คุณแม่ รวมกับคุณพ่อ หรือคุณอักขระ ๓๒ คำ ขั้นตั้ง ๑๐๘ ได้แก่ คุณพระพุทธ ๕๖ คุณพระธรรม ๓๘ คุณพระสงฆ์ ๑๔ รวมเป็น ๑๐๘ เครื่องประกอบขั้นตั้งส่วนใหญ่จะประกอบด้วย๑. สวยดอก ใส่ดอกไม้ ข้าวตอกและเทียน จำนวนตามที่กำหนด๒. สวยหมากพลู ใส่พลูสวยละ ๔ ใบ หมาก ๔ คำ จำนวนตามที่กำหนด๓. เทียนขี้ผึ้งแท้หนัก ๑ บาท (๑๕ กรัม) ๑ คู่๔. เทียนเล่มกลางหนักเฟื้อง (๑๒ กรัม) ๑ คู่ ๕.เทียนเล็ก จำนวน ๔ คู่๖. ผ้าขาว ผ้าแดง อย่างน้อย ๑ คืบ อย่างมาก ๑ รำ (๑ ประมาณ ๒ เมตร)๗. เบี้ย ๑,๓๐๐ มีค่าเท่ากับเงิน ๑๒.๕ สตางค์ ๘. หมาก ๑,๓๐๐ คือหมากที่ผ่าแล้วร้อยให้ยาวเป็นสาย สายหนึ่งมีประมาณ ๒๔ คำ เรียกหมากหนึ่งร้อย หมากพันสาม คือ จำนวน ๑๓ สาย๙. ข้าวเปลือกแคง (ประมาณ ๓ ลิตร) ข้าวสาร ๑ ลิตร๑๐. เงิน ตามนามศักดิ์ เช่น หวิ้น (ครึ่งสลึง) สลึง (๒๕ สตางค์) ๑ แถบ (เงินรูปีอินเดีย มีค่าเท่ากับ ๘๐ สตางค์) ๑ บาท (๑๐๐ สตางค์) บาทปลาย ๒ สลึง ( ๖ สลึง) ถ้ามียศศักดิ์หรือมีเงินมาก ค่ายกครูจะมากถึง ๓๐๐ บาท ปัจจุบันมักใส่ ๑๒ บาท ๓๖ บาท หรือ ๑๐๘ บาทเป็นพื้น ขันตั้งนี้เป็นค่าบูชาครู บางครั้งทำพิธีอันสำคัญ เจ้าพิธีอาจจะเรียกค่าบูชาสูงกว่าปกติ หรือเรียกว่า “โป่ขันขึ้น ก้อบขัน หรือต่างขันขึ้น” เป็นสองเท่า เช่น จากเดิม ๔ บาท อาจเพิ่มเป็น ๘ บาท ๑๒ บาท ๓๒ บาท ๓๖บาทหรืออาจถึง ๑๐๘ บาท วัสดุอื่นก็ต้องเพิ่มขึ้นหรืออาจมีของบูชาพิเศษ เช่นมี ฉัตร มีช่อ เทียนเงิน เทียนทอง แทนเทียนเล่มบาท อาจมีกล้วย มีมะพร้าว มีเสื่อใหม่ หม้อใหม่ ขึ้นไปตามแต่จะกำหนดไว้ในตำรา หากการทำพิธีมีความล่าช้า เช่น รักษาคนไข้ยังไม่ทุเลา สอนวิชาให้แต่ไม่จำ คนโบราณจะบอกว่า “ขันตั้งบ่เติง” ต้องทำการเพิ่มขันขึ้นไปอีก การเพิ่มค่ายกครูขึ้นอีก การเพิ่มจะเพิ่มเป็น ๒ เท่า เช่น ถ้าขันตั้งบอกว่า ๔ เมื่อจะเพิ่มก็เป็น ๘ จาก ๘ เป็น ๑๖ เพิ่ม ๑๖ ขึ้น ๒ เท่าเป็น ๓๒ บางทีอาจเพิ่มเป็น ๓ เท่าก็ได้ ครูบาอาจารย์กำหนดขันตั้งว่า ถ้าทำพิธีเกี่ยวกับ อักขระ อาคม เช่น ลงลงยันต์จุดเทียนต่าง ๆ ให้ใช้ขันตั้ง ๔ เพราะเป็นคุณธาตุ ๔ และ คุณอริยสัจ ๔ ถ้าทำพิธีเกี่ยวกับการใช้น้ำ เช่น การมนต์น้ำมนต์ให้อาบให้ดื่มกิน ใช้ประพรมใหัสวัสดิมงคล ใช้ขันตั้ง ๑๒ เพราะเป็นคุณแม่ ๑๒ และคุณอาโป (ธาตุน้ำ)หากเป็นการรักษาโรคใช้ขันตั้ง ๓๒ เพราะเกี่ยวกับร่างกายต้องใช้คุณพ่อ คุณแม่รวมกัน หรือคุณปฐวี(ธาตุดิน) ๒๑ รวมกับคุณอาโป(ธาตุน้ำ) ๑๒ ถ้าเป็นการทำพิธีให้แก่ผู้ยศศักดิ์ มีเดชานุภาพ มีตระกูล มีเพศภาวะสูงกว่า ให้ใช้ขันตั้ง ๑๐๘ คือเอาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมกัน อาทิเช่น การผูกมือบายศรีสู่ขวัญ สืบชาตา จุดเทียนสะเดาะเคราะห์ ให้พระสงฆ์ สมณชีพราหมณ์ เจ้าบ้าน เจ้าเมือง หรือทำพิธีแก่บ้านเมืองต้องตั้งขันหลวง ๑๐๘ เมื่อจะทำพิธีเจ้าพิธีจะบอกให้แต่งดาขันตั้ง เมื่อเตรียมของพร้อมแล้วเจ้าพิธีซึ่งส่วนมากเป็นประธานสงฆ์ พ่ออาจารย์ หรือพ่อหมอ จะกล่าวคำบูชาครู เรียก “โยงขั้นตั้ง หรือเยิงขัน” คือยกขันที่จะบูชาครูนั้นขึ้นเสมอศีรษะแล้วกล่าวคำบูชาครู เรียกว่า “คำขึ้นขันตั้ง หรือคำโยงขันตั้ง” ซึ่งมีหลายสำนวนหลายอาจารย์ แล้วจึงเริ่มทำพิธีต่อไปจนเสร็จพิธีจึงปลดขันตั้ง คือยกขันตั้งนั้นไว้เหนือศีรษะแล้วจึงกล่าวคำปลดขันตั้ง หรือปลงขันตั้ง สมัยโบราณปลงขันตั้ง ต้องคว่ำขันลงจริง ๆ แต่ในปัจจุบันกล่าวจบแล้วางไว้ที่เดิมเป็นเสร็จพิธี หากกิจที่ทำนั้นไม่เสร็จจะยังไม่ปลดขันตั้งหรือปลงขันตั้ง ก็จะนำขันตั้งไปไว้ในที่สูง บางทีใส่สาแหรกห้อยไว้จนเสร็จพิธีเมื่อใดจึงปลดขันตั้งหรือปลงขันตั้งต่อไป