หลายคนคงเคยได้มีโอกาสไปใช้บริการร้านขายยาด้วยอาการระคายคอ เจ็บคอ ไอ มีเสมหะ เขียวบ้างเหลืองบ้างปะปนกันไป แต่กลับได้ยาแก้ปวด ลดไข้มาแทน ใช่หรือไม่? หลายคนอาจจะสงสัย ทำไมเภสัชกรถึงจ่ายยาเหล่านี้มาให้ แทนที่จะเป็นยาแคปซูลแก้อักเสบที่ต้องกินกันจนครบโดส 5-14 วัน ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่ายาแก้อักเสบที่ทุกคนเข้าใจผิดกันที่เป็นรูปแบบแคปซูลและต้องทานให้ครบโดสถึงจะหายนั้น แท้จริงแล้วเป็น ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่ใช้รักษาเฉพาะการอักเสบที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วยเท่านั้น แล้วทีนี้ ประเด็นอยู่ตรงที่การอักเสบที่บริเวณภายในลำคอและมีการติดแบคทีเรียร่วมด้วยนั้น มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก ซึ่งมักจะพบได้ในเด็กที่มีอาการไข้ เจ็บคอ ไม่ไอ ต่อมทอนซิลบวมโต และมีจุดขาวหรือเหลืองขึ้นบริเวณภายในลำคอ กล่าวคือโดยทั่วไปแล้วคนส่วนมากที่เข้ามาใช้บริการร้านขายยานั้น มักจะเป็นการอักเสบเจ็บคอที่มาจากการระคายเคือง หรือการติดเชื้อไวรัส หรือที่เราชอบพูดกันว่า เป็นหวัด นั้นเอง ดังนั้นการใช้ยาแก้อักเสบฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงไม่มีประโยชน์ทางการรักษา แต่เสมือนเป็นเพียงแค่ยาใจเท่านั้น ซ้ำร้ายหากบางท่านเกิดแพ้ยาขึ้นมา ก็อาจจะเป็นอันตรายถึงขั้นชีวิตเลยก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่เภสัชกรบางท่านจะพิจารณาจ่ายยาแก้ปวดลดไข้ ประเภท NSAID ให้กับคุณหรือคนไข้ที่มีอาการเจ็บคอแต่ไม่เข้าข่ายการติดเชื้อแบคทีเรีย เนื่องจากยากลุ่มนี้มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ ปวด บวม แดง ร้อน ได้ ซึ่งจะตรงจุดและข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคมากกว่า แถมยากลุ่มนี้ก็ไม่จำเป็นต้องทานยาจบครบโดส 5-14 วัน กล่าวคือหายเจ็บคอเมื่อใด ก็หยุดยาได้เลย อย่างไรก็ตามการพิจารณาเลือกใช้ยา หากไม่มั่นใจแล้วก็ควรปรึกษาคุณเภสัชกรใกล้บ้านท่าน หรือหากไม่แน่ใจว่าตัวคุณเองเป็นโรคอะไรก็ควรที่จะไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคให้แน่ชัดก่อนที่จะเลือกซื้อหายามารับประทานเองซึ่งอาจจะไม่ตรงกันโรคที่ตัวเราเป็นอยู่ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเพื่อนๆ เอง***ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและรูปภาพ ***- ภาพปก โดย Anastasia Gepp จาก Pixabay- ภาพประกอบที่ 1 โดย Alina Kuptsova จาก Pixabay- ภาพประกอบที่ 2โดย mohamed Hassan จาก Pixabay- ภาพประกอบที่ 3โดย Roland Steinmann จาก Pixabay- แหล่งข้อมูลที่ 1 https://www.aafp.org/afp/2009/0301/p383.html