ในที่สุด ป้าก็ได้ไปเที่ยวหลวงพระบางสักที หลังจากที่ใฝ่ฝันอยากไปมานานแสนนาน หลวงพระบางเป็นเมืองเล็ก ๆ สงบเรียบง่าย เดินเที่ยววันเดียวก็ครบแล้วในตัวเมือง อาหารการกินหลายร้านก็อร่อยพอ ๆ กับเมืองไทย แต่ที่ประทับใจที่สุด ก็นี่เลย ขนมครกลาว เดินจากที่พักจะไปเที่ยวตลาดมืด ก็ไปจ๊ะเอ๋กับร้านขายขนมครกเรียงรายกันอยู่หลายร้านตรงปากทางเข้าตลาด หน้าตาก็เกือบจะเหมือนขนมครกไทยโบราณ เพียงแต่ไม่มีหอมเขียวโรยหน้า แล้วมันจะอร่อยหรือนี่ ไม่มีหอมโรยหน้ามันจะอร่อยได้อย่างไร จริงมะ.. แบบนี้ต้องพิสูจน์ ราคาห้าคู่ 5,000 กีบ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 20 บาท ทุกร้านก็ราคานี้ นับว่าถูกมากสำหรับอาหารในหลวงพระบาง เพราะเจอข้าวผัดกะเพราไข่ดาวริมทางในเมืองลาว ราคาจานละ 80 บาท ก็จ่ายมาแล้ว แง ๆๆๆ ไม่รู้จะเลือกซื้อเจ้าไหนเพราะร้านขนมครกอยู่ติด ๆ กัน 3-4 ร้าน และก็ดูน่ากินพอ ๆ กัน ก็เลยเลือกซื้อเจ้าที่ดูใจดีช่างคุย แล้วก็ไม่ผิดหวัง แม่ค้าน่ารักที่สุดจะถ่ายรูปเท่าไรก็ไม่ว่า ส่งยิ้มให้กล้องเสียอีก ใจดีอารมณ์ดี แถมแหลก ถ้าไปประกวดนางงามจะได้ตำแหน่งนางงามมิตรภาพ ชัวร์ !! จากประสบการณ์ที่ไปท่องเที่ยวลาวมาหลายครั้ง ก็เชื่อว่าคนลาวใจดีน่ารักมาก ขนาดคนลาวในหลวงพระบาง ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังก้องโลก ผู้คนที่ทำมาค้าขายกับนักท่องเที่ยวก็ยังดูใสซื่อน่ารักกันเป็นส่วนมาก ทำให้ยิ่งประทับใจมากขึ้นกับทริปเมืองลาว ลืมเรื่องของแพงไปเลย.. อิอิ ขนมครกบนเตาถ่านมันสุดแสนคลาสสิค นึกถึงอดีต ตอนเด็ก ๆ ป้าจะชอบเล่นแคะขนมครกเป็นชีวิตจิตใจ ใฝ่ฝันว่าโตขึ้นจะเป็นแม่ค้าขายขนมครก ตอนนี้ความฝันก็ยังอยู่ ถ้าโอกาสมาถึงเมื่อไร กะไว้ว่าจะเริ่มทำตั้งแต่โม่แป้งเลย.. 55555 จากที่ลองถามไถ่ก็พอจะได้สูตร ขนมครกลาว มาคร่าว ๆ ว่าวัตถุดิบหลัก ๆ ก็มี แป้งข้าวเหนียว, แป้งข้าวเจ้า, นมคาร์เนชั่น กะทิ เกลือ น้ำตาลนิดหน่อย ถ้าจะทำขนมครกใบเตย ก็เพิ่มน้ำใบเตยเข้าไป กัดเข้าไปคำแรก... โอ้ยย.. อร่อยมากกกกกกก ก.ไก่ล้านตัว เนื้อขนมครกมันฟูนุ่มละมุนปากเหลือหลาย หวานนิด ๆ มันหน่อย ๆ ทุกอย่างกำลังดี อย่างนี้.. ใช่เลย..แล้วมิวสิคก็มา.. อิอิ ไม่มีหอมเขียวโรยหน้า.. ก็ไม่สนล่ะ... ง่ำ ๆๆๆ แค่หนึ่งคำ ก็จำไม่ลืมเลยค่ะ สมแล้วกับชื่อที่ฝรั่งตั้งให้ว่า Coconut Pancake หรือ แพนเค้กมะพร้าว แนะนำอย่างจริงจัง ใครไปหลวงพระบางอย่าพลาดชิมขนมครกลาวแสนอร่อยแบบนี้นะคะ ยืนกินกันที่หน้าร้านขนมครกนั่นแหละ พอกินหมด แม่ค้ามีแถมให้อีกนะ ใจดีน่ารักที่สุด ทำให้ทริปหลวงพระบางนี้แสนจะประทับใจ อยากจะเหมาหมดทั้งร้าน แต่เสียดายจริง ๆ ที่กระเพาะไม่พอใส่ อิ่มมาก วิธีการทำกระทงใบตองใส่ขนมครกของคนลาว ก็แปลกตาดี ไม่เหมือนกระทงของไทย หลวงพระบาง ไปเที่ยวได้ไม่ยากเลยค่ะ คนไทยไปเที่ยวลาว ไม่ต้องใช้วีซ่า ถ้าใช้พาสปอร์ตไทยข้ามแดนก็อยู่ได้ถึง 30 วัน แต่อย่าเข้าใจผิดนะคะว่าค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าไทย เพราะมัน บ่ ใช่ ราคาอาหารและอื่น ๆ ส่วนมากจะพอ ๆ กับเมืองไทย แต่หลายอย่างก็แพงกว่า เช่น ค่ารถโดยสารตุ๊ก ๆ ในตัวเมือง จากท่ารถเข้าตัวเมืองหลวงพระบาง ระยะทาง 3-4 กิโลเมตร ราคาคนละ 80 บาท กรี้ดสลบค่ะ แทบไม่เชื่อหูตัวเอง แต่พอสอบถามคนลาวที่นั่งรถมาด้วยกันจากไทย เขาก็บอกว่าคนลาวก็จ่ายราคานี้ แง ๆๆๆ ก็มีขนมครกลาวนี่แหละค่ะ ที่ราคาไม่แพงและอร่อยโคตร ๆ จนป้าต้องมานั่งคิดถึงรำพึงรำพันฝันหา อยากกลับไปอีกบ่อย ๆ เพราะอยากไปกินขนมครกลาวนี่เลย หมดโควิดเมื่อไร เจอกันอีกนะคะ หลวงพระบาง ไม่เข็ดค่ารถตุ๊ก ๆ เพราะคราวหน้า ป้าจะเดินเข้าเมืองเอง ฮา ๆๆๆ