เวลาที่เราอยากเดินทางไปไหนสักแห่งหนึ่ง สิ่งที่ภาวนาอย่างที่สุดคือ ขออย่าให้ฝนตก! เพราะฝนตกทำให้กิจกรรมการท่องเที่ยวกลางแจ้งเป็นไปด้วยความยากลำบาก เช่นเดียวกับวันที่ผู้เขียนได้เดินทางไปอำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท เพื่อตามหาเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ที่วัดโตนดหลาย ศิลปะสุโขทัยในดินแดนภาคกลาง อำเภอสรรคบุรี แต่เดิมชื่อเมืองแพรกศรีราชา เป็นชื่อที่ปรากฎอยู่ในจารึกตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัย จนมาถึงต้นกรุงศรีอยุธยา ถือเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญ และยังเป็นเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมละโว้-อู่ทอง สุโขทัย และอยุธยาได้อย่างลงตัว เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นทางแยกของสายน้ำที่สามารถติดต่อได้ทั้งเมืองพระบาง นครสวรรค์ เมืองละโว้ ลพบุรี และสุพรรณภูมิ-อยุธยา ดังนี้แล้วสถานที่ตั้งเมืองนี้จึงปรากฏศิลปกรรมเฉพาะตัว ที่มีทั้งแบบละโว้ สุโขทัย และอยุธยา ในที่เดียวกัน ที่เห็นเด่นชัดที่สุด คือ เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ที่วัดโตนดหลายนั่นเอง วัดโตนดหลายสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในช่วงต้นกรุงศรีอยุธยา ไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่ช่วงต้นกรุงศรีอยุธยา มีหลักฐานจากพงศาวดารระบุว่า เจ้ายี่พระยา ( พระโอรสของพระเจ้าอินทราชา กษัตริย์กรุงศรีอยุธยา) ครองเมืองนี้อาจจะเป็นผู้สร้างเพราะสอดคล้องกับอายุของโบราณสถาน สำหรับเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือเจดีย์ทรงดอกบัวนั้นเป็นศิลปะสุโขทัย แพร่หลายในสมัยพระยาลิไท กษัตริย์กรุงสุโขทัย ( ตรงกับสมัยของขุนหลวงพระงั่ว กษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ผู้เป็นปู่ของเจ้ายี่พระยา) เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ที่วัดโตนดหลาย มีความแตกต่างจากต้นแบบของสุโขทัย คือ ฐานของเจดีย์เป็นทรงปรางค์แบบขอมหรือละโว้-อู่ทอง แต่ถูกสวมทับโดยเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัย และวิหารที่อยู่หน้าเจดีย์มีลักษณะของวิหารแบบอยุธยา คือมีหน้ามุขอยู่หน้าวิหาร ทั้งเศษชิ้นส่วนของพระพุทธรูปก็สร้างด้วยหินทราย อันถือเป็นความนิยมของยุคต้นกรุงศรีอยุธยา ไม่ใช่สุโขทัยที่มักนิยมสร้างจากศิลาแลงปูนปั้น สิ่งเหล่านี้คือการผสมผสานวัฒนธรรมที่แทรกซ่อนอยู่ในงานสถาปัตยกรรมพุทธศาสนา ซึ่งผู้เขียนมองว่ามันมีคุณค่ามากกว่าเศษซากที่เหลืออยู่ของการปรักหักพัง อย่างไรก็ตาม ก่อนสายฝนจะโปรยลงมา ผู้เขียนเดินทางมาถึงหน้าวัดโตนดหลายพร้อมกับสายลมที่พัดยอดไม้ราวกับจะหักโค่น ก้อนเมฆมืดครึ้มแทบจะปิดแสงสว่างของแผ่นฟ้าแต่ยังดีที่ยังพอมองเห็นแสงสว่างได้บ้าง ณ เวลานั้น ผู้เขียนได้ยืนมอง เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ วิหาร ฐานมณฑปและเจดีย์รายรอบๆ กำแพงแก้ว แล้วได้แต่อึ้งติดอยู่กับคำว่า ผสมผสาน หรือ กลืนกลาย ก่อนสายฝนโปรย เราเห็นเค้าลางของเมฆและลม ขณะที่ก่อนสิ้นสุดยุคสมัยละโว้ สุโขทัย เราจึงได้เห็นศิลปะการสวมทับ ผสมผสาน ต่อเมื่อสายฝนโปรยลงมา ทุกอย่างจะถูกชำระล้างใหม่ ยุคสมัยศิลปกรรมก็เช่นเดียวกัน สุดท้ายก็จะถูกกลืนแล้วกลายเป็นศิลปะในยุคที่ได้รับความนิยมต่อไปตามแต่สมัย วัดโตนดหลาย จึงเป็นหนึ่งในวัดที่หลอมหลวมวัฒนธรรม ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตามแต่มันก็เป็นหลักฐานของการมีอยู่ในวัฒนธรรมนั้น สำหรับผู้ที่สนใจจะเที่ยวชมวัฒนธรรมที่เหลืออยู่ อย่างเจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์ที่ถือว่าเป็นศิลปะสุโขทัยในดินแดนภาคกลางนั้น สามารถปักหมุดเข้ามาที่วัดสองพี่น้อง อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท แล้วขับรถเลาะเข้ามาด้านหลัง เพราะโดยตัวโบราณสถานของวัดโตนดหลายไม่มีถนนตัดผ่านโดยตรง ถ้าใช้ GPS อาจหลงทางได้ และเมื่อคุณได้มาเที่ยวที่นี่แล้ว สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าคุณจะรู้สึกคือ เหมือนเดินหลุดเข้ามาในศิลปกรรมของสุโขทัย ทั้งที่จริงแล้ว มันคือศิลปกรรมแห่งการหลอมรวม ถ้า ฝน คือ อำนาจใหม่ เจดีย์ที่วัดแห่งนี้ ก็เกิดขึ้นในช่วงก่อน ฝนจะโปรยสาย