สีผสมอาหารเป็นสิ่งที่พ่อครัวแม่ครัวหรือว่าเชฟคุ้นชินกับการใช้สีผสมอาหาร การใช้สีผสมอาหารนั้นนอกจากจะช่วยทำให้อาหารนั้นดูดีดูน่ารับประทานขึ้นแล้ว ยังเป็นการส่งเสริม ทำให้คนสามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้น สีสันที่ดูน่ารับประทานนั้นอาจจะดูไม่มีผลกับรสชาติอาหาร แต่สีเหล่านี้ กลับถูกนำมาใช้ในการแก้ปัญหาของอาหาร ปัญหาของอาหารเกี่ยวกับการเก็บรักษา ฤดูกาลและอุณหภูมิ ในช่วงฤดูกาลเปลี่ยนไป สีของอาหารมีลักษณะซีดหรือเข้มขึ้น ซึ่งสีที่ไม่สม่ำเสมอกัน อาจจะทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าอาหารนั้นเสีย หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปเจือปน ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงฤดูหนาวพืชนั้นจะมีการสะสมเบต้าแคโรทีนน้อยมากกว่าในฤดูร้อน ซึ่งสารเบต้าแคโรทีนนั้น เป็นสารที่มีสีส้มหรือสีเหลือง ซึ่งจะพบได้มากในผักผลไม้ที่มีสีส้มสีเหลือง ตัวอย่างเช่นส้ม มะละกอ เป็นต้น สีผสมอาหารที่นิยมนำมาใช้ในการทำขนมและใช้ในการผสมอาหารจะแบ่งออกได้เป็น 2 แบบด้วยกัน แบบด้วยกัน 1 สีที่ได้จากธรรมชาติ สีที่ได้จากธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นได้จากพืชหรือได้จากพวกแร่หิน หรือได้เถ้าต่างๆ เป็นสีที่ล้วนได้จากธรรมชาติทั้งสิ้นโดยไม่ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมี ซึ่งจะมีความปลอดภัยมากกว่าในเรื่องเกี่ยวกับของสารเคมีตกค้าง แต่สีที่ได้จากพืชนั้นค่อนข้างที่จะไม่มีความเสถียร เมื่อได้รับความร้อน ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงสี ทำให้ไม่ได้สีของอาหารตามที่ต้องการ 2 สีผสมอาหารที่ได้มาจากกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมี ซึ่งในกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมีนั้นจะได้สีผสมอาหารที่มีความเข้มข้นมากกว่าซึ่งเป็นสีที่ใช้ในการละลายด้วยไขมัน ซึ่งจะเห็นสีเหล่านี้อยู่ตามขนมลูกกวาดหรือผสมในนมหรือเนย เพิ่มความมันวาวและสวยงามให้กับขนม ในขณะที่สีผสมอาหารที่ใช้ผสมในน้ำผึ้งผสมได้ง่ายและสะดวก สีสังเคราะห์อาจจะมีลักษณะของสีที่ด้อยกว่าสีสังเคราะห์ที่เป็นน้ำมัน แต่การควบคุมการใช้สีสังเคราะห์ในการทำอาหารนั้นทำได้ง่ายกว่าสีที่ได้จากธรรมชาติ ซึ่งเมื่อผ่านความร้อนหรือผ่านการเก็บก็จะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงและมีความเสถียรมากกว่า อย่างไรก็ตามการใช้สีผสมอาหารสังเคราะห์นั้น มีค่าการกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวกับความปลอดภัยและความเป็นอันตรายของสีสังเคราะห์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งการสังเคราะห์สีนั้นควรที่จะไม่มีสารพิษหรือมีโลหะหนักปนเกินกว่าค่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ร่างกาย จะใช่รับสิ่งแปลกปลอมจากอาหารหรือขนมที่ใช้สีผสมอาหาร ดังนั้นจึงควรเลือกอาหารและขนมที่ได้มาตรฐานและมีการรับรองความปลอดภัย สุดท้ายนี้ สีผสมอาหารที่ได้จากธรรมชาตินั้น อาจจะไม่ได้ดูสดสวยงามเหมือนกับสีผสมอาหารแบบสังเคราะห์ และไม่มีความเสถียรมากพอซึ่งอาจจะมีการตกตะกอนในเครื่องดื่ม หรือเม็ดสีไม่สม่ำเสมอในการทำอาหารหรือขนม แต่ก็มีความปลอดภัยสูง ในขณะเดียวกันสีที่ได้จากการสังเคราะห์นั้นถึงแม้ว่าจะทำให้อาหารนั้นดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น และควบคุมสีสันได้ง่ายกว่า แต่การทานอาหารงั้นควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และเลือกอาหารที่มีมาตรฐานความปลอดภัยขอขอบคุณรูปภาพจาก : ภาพหน้าปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4