อื่นๆ

การใช้ชีวิตในสภาพสังคมที่เห็นแก่ตัว

876
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
การใช้ชีวิตในสภาพสังคมที่เห็นแก่ตัว

หลายคนคงเถียงไม่ได้ว่าสังคมเราทุกวันนี้เป็นสังคมที่เห็นแก่ตัวมากขึ้นทุกวัน  เป็นสังคมแห่งการแย่งชิง แข่งขัน ใครดีใครได้ ใครถึงก่อนได้เปรียบ  ฉันเท่านั้นที่ต้องอยู่รอด  คนที่มีน้ำใจ กลายป็นคนโง่ให้ทุกคนกดขี่ เอาเปรียบ ในสภาพสังคมแบบนี้เราควรจะเปลี่ยนแปลงหรือเอาตัวรอดจากสังคมนี้อย่างไร

ชนะภาพโดย StartupStockPhotos จาก Pixabay

ข้อแรก อย่ายุ่งกับใคร(ปลีกวิเวก)  ใช่เเล้ว เมื่อคนอื่นทำให้เราเห็นความแก่ตัวในตัวเขา เราก็ต้องถอยกลับมาเห็นตัวเองบ้างว่าเรากำลัง ทำดีกับคนที่ถูกต้องหรือไม่  และตัดคนไม่ที่ไม่น่าคบออกไป  บางทีอาจจะเหลือตัวเราอยู่คนเดียวเหงา ๆ หน่อย  แต่เดี๋ยวนี้โชคดี ซีรี่ย์เยอะ

ข้อสอง เฉย ๆ ไว้  นี้เป็นคำแนะนำที่ไม่ค่อยดีเท่าไร  แต่ในยุคที่ทุกคนควักปืนขึ้นมายิ่งกันง่าย ๆ แบบนี้อย่าพยายามไปช่วยเหลือใครซึ่ง ๆ หน้า เพราะเราอาจจะไม่ได้กลับบ้าน  ถ้าเกิดเหตุวิวาทขึ้นจริง ๆ ก็ขอให้หลบมุมแล้วโทรหาเจ้าหน้าที่เป็นดีที่สุด  เพราะชีวิตเรายังมีค่ากับคนที่บ้านอยู่ เพราะคงไม่มีใครอยากเป็นฮีโร่ที่เหลือแค่ชื่อนะ

Advertisement

Advertisement

don't careภาพโดย 192635 จาก Pixabay

ข้อต่อมา เขาร้อนเราต้องเย็น  ทำใจร่ม ๆ สงบ ๆ ไว้ มันอาจจะฟังดูยากมาก ถ้าไม่ไหวก็ถอยไปตั้งหลักสักระยะ ชวนคู่กรณีไปนั่งทานกาแฟเย็น ๆ สักแก้ว  หรือถ้าตกลงกันไม่ไหวจริง ๆ ก็ไปคุยกันในห้องเย็นที่โรงพัก

ข้อที่สี่ เงินคือพระเจ้า และคำขอโทษก็ใช้ไม่ได้เสมอไป หากเป็นกรณีที่สามารถยอมความกันได้ด้วยเงิน หากคุณต้องการออกจากทีเกิดเหตุให้เร็วที่สุด และคู่กรณีกำลังจะหัวร้อน  คุณลองไกล่เกลี่ยด้วยจำนวนเงินดูซิ  สังคมสมัยนี้ เงินอาจจะเป็นน้ำแข็งชโลมใจคู่กรณีได้อย่างดีที่เดียว

moneyภาพโดย Willfried Wende จาก Pixabay

ข้อสุดท้าย  ข้อนี้สำคัญที่สุด  ใครไม่ทำเราต้องทำ คือเปลี่ยนแปลงตัวเอง  เราควรจะเปลี่ยนเป็นผู้เสียสละ   ยอมรับในสิ่งเล็กน้อย ๆ  ไม่ควรใจร้อนตามอากาศ  ที่สำคัญ  ไม่ควรพกอาวุธ  เพราะอาวุธทั้งหลายแหล่เป็นของร้อนถ้ารู้ว่ามีมันอยู่ก็มักจะย่ามใจ ไม่มีใครทำอะไรเราได้  และตอนนั้นแหละถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น  เหตุสลดก็จะตามมาทันที

Advertisement

Advertisement

เมื่อก่อนสังคมไทยเป็นสังคมที่เอื้อเฝื้อเผื่อแผ่กัน  มีเรื่องอะไรก็เจรจาไกล่เกลี่ยกัน มีอะไรก็เเบ่งปันกัน มะม่วงบ้านนี้เยอะ เอาไปแลกขนุนบ้านนู้นหน่อย  แต่ทุกวันนี้อากาศมันร้อน และบางครั้งการศึกษามันทำให้คนเริ่มคิดที่จะแสวงหากำไรจากสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมากจนเกินไป  “เรื่องอะไรฉันจะต้องเอาไปแลก อยากได้ก็มาขอซื้อฉันซิ” ทั้ง ๆ ที่บางทีมันจะสุกคาต้นแถมตกลงไปเน่าเขตบ้านเค้าด้วยซ้ำ  อยากฝากไว้ให้ทุกคนคิดว่า เราอยากได้สังคมไทยแบบไหน...  เราอยากอยู่ในสภาพเเวดล้อมแบบไหน  เริ่มจากตัวเราเองก่อน  เมื่อเราเปลี่ยนแปลงสังคมไม่ได้  แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้   หากเราเริ่มที่จะเกรงใจสังคม  คนรอบ ๆ ข้าง อาจจะเริ่มเกรงใจเรา หากเรายอมที่จะลง  บ้างที่ทุกอย่างอาจง่ายขึ้น  หากเราเริ่มมีน้ำใจ  เราอาจจะได้เห็นน้ำใจจากคนอื่นบ้าง เพราะแต่เดิมไทยเราตั้งต้นมาแบบนี้  ฉันหวังเสมอว่า ลึก ๆ ในใจของคนไทยเรา ไม่ได้เห็นแก่ตัวกันทุกคน ......แล้วเจอกัน

Advertisement

Advertisement

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์