อื่นๆ

การเลือกซื้อรถจักรยานยนต์มือ2

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
การเลือกซื้อรถจักรยานยนต์มือ2

การเลือกซื้อรถจักรยานยนต์มือ2

มีรายละเอียดและวิธีการดังนี้

1.การดูเลขไมล์หรือเลขระยะทางการวิ่งของรถ ซึ่งบ่งบอกถึงการใช้งานของรถได้เป็นอย่างดี ว่ารถคันนี้ใช้ไปมากน้อยเพียงใด สำหรับรถจักรยานยนต์นี้ ถ้าหากวิ่งไปไม่ถึง 10,000 กม.จะดีมาก นั่นหมายถึงว่ารถคันนี้ สภาพเครื่องยนต์จะยังคงใช้งานได้อีกนาน แต่ผู้ขายรถจักยานยนต์มือ2บางราย อาจจะทำการปรับแต่งเลขไมล์ หรือที่ภาษาช่างเรียกกันว่า "การสะกิดไมล์" ทำเพื่อให้รถนั้นมีเลขไมล์ที่น้อย เพื่อดึงดูดความต้องการอยากซื้อของลูกค้า การดูว่าเลขไมล์โดนปรับแต่งหรือไม่(ดูได้เฉพาะจักรยานยนต์ที่ใช้ไมล์สาย)  ดูจากการเรียงแถวของตัวเลขไมล์ ถ้าเรียงเป็นแถวเป็นแนวตรงกันเป็นระเบียบเรียบร้อย คือปกติ แต่ถ้าตัวเลขไมล์แต่ละตัวเรียงไม่ตรงกัน หรือมีเลขบางหลักแตกแถว ให้สันนิษฐานว่าโดนปรับแต่งไมล์มาหรือเคยเกิดอุบัติเหตุมา

Advertisement

Advertisement

2.การดูตัวรถ-ชุดสีรถ ดูได้ง่ายๆ ได้ดังนี้ ชุดสีรถหรือชิ้นงานที่ติดตั้งมากับรถตั้งแต่ออกจากศูนย์บริการ จะมีมาตรฐานมากๆ รอยต่อแต่ละชิ้นจะสนิท ไม่มีช่องว่างระหว่างชิ้นงาน ขอบของชิ้นงานจะไม่คม เนื้อพลาสติกจะเนียน-เหนียว แข็งแรง ทนทาน สีเงางามดูสวยสะอาดตา ถ้าหากรถเคยเปลี่ยนชิ้นงานมา โดยอาจใส่ของตามท้องตลาดมา ชิ้นงานจะไม่ค่อยได้มาตรฐาน เช่น มีความคมของขอบชิ้นงาน  เมื่อประกอบเข้าไปแล้ว มีรอยแยกระหว่างชิ้นงาน ไม่เข้ารูป สีที่พ่นมาไม่สวยเนียนหรือสีเพี้ยนไปจากของเดิม และสติกเกอร์ที่ติดตั้งมากับรถนั้น จะมีมิติ ความคมของตัวอักษร ลวดลายที่ละเอียดชัดเจน เงาสวยงาม รอยต่อของสติกเกอร์ระหว่างชิ้นงาน ลวดลายจะต่อกันอย่างเป็นระเบียบสวยงาม แต่ถ้าหาติดสติกเกอร์มาใหม่. โดยใช้ของไม่มาตรฐาน จะเป็นในทางตรงข้ามโดยทันที

Advertisement

Advertisement

ไฟหน้ารถ

3.การดูว่ารถเคยเกิดอุบัติเหตุมาหรือไม่ ดูได้จากชุดสีหรือชิ้นงานว่ามีรอยบุบ-รอยแตก-รอยถลอก-รอยแยก หรือไม่ และชุดล้อไม่คดงอ ศูนย์ล้อตรง ไม่เอียงไปข้างใดข้างนึ่ง โดยตรวจสอบได้ง่ายๆ ด้วยการทดลองขับขี่ ซึ่งตอนขับขี่ จะขับขี่ง่าย คล่องตัว ไม่เอียง ไม่ฝืนการควบคุมรถของผู้ขับขี่ คือผ่าน หรือถ้าหากทดลองขับขี่ดูแล้ว รถมีความเอียงขณะขับขี่ ฝืนการควบคุมรถ หรือรถไม่คล่องตัว แสดงว่าอาจจะเคยเกิดอุบัติเหตุมาหรือผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก

4.การดูว่าเครื่องยนต์ยังใช้งานได้ดีหรือไม่(หัวใจหลัก) ดูได้จากการ ฟังเสียงของเครื่องยนต์ จะต้องนิ่ง-นิ่ม-เงียบ รอบเดินเบาไม่สะดุด อัตราเร่งดี เวลาเร่งรอบสูง(เฉพาะรถ 4 จังหวะ)ต้องไม่มีควันขาว-ดำออกจากท่อไอเสีย แต่ถ้าหากเป็นรถจักรยานยนต์ 2 จังหวะ จะต้องมีควันขาวบางๆ ออกที่ท่อไอเสียตลอดเวลาถึงจะปกติ  และดูว่ามีคราบน้ำมันเครื่องซึมติดตามซีล หรือชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์หรือไม่ และปะเก็นหรือซีลยาง. ที่เชื่อมต่อส่วนประกอบของเครื่องยนต์แต่ละชิ้นจะต้องแนบสนิทสวยงาม ไม่เกินชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ออกมา. หากมีปะเก็นกระดาษเกินออกจากชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ออกมา แสดงว่าเครื่องยนต์เคยผ่านการถอดซ่อมชิ้นส่วนภายในมาแล้ว

Advertisement

Advertisement

ภาพเครื่องยนต์ที่ผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก

ภาพเครื่องยนต์

5.การดูระบบไฟของรถจักรยานยนต์ ดูว่าหลอดไฟทุกดวงยังติด ยังใช้งานได้ปกติหรือไม่ ดูว่าไฟหน้าปัดหรือไฟเรือนไมล์ ไฟเลี้ยว ไฟหน้า(ไฟสูง-ต่ำ) ไฟท้าย ไฟเบรก และเสียงแตรต้องดังชัดเจน อุปกรณ์อื่นๆ เช่น กระจกมองหลัง จะต้องมีครบ นอตทุกตัวจะต้องติดตั้งครบสมบูรณ์

6.ดูเอกสารการโอนกรรมสิทธิ์ของรถ จะต้องมีคู่มือ(เล่มเขียว-เล่มทะเบียน) มีเอกสารประกอบการโอนกรรมสิทธิครบ(สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของรถ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาการเปลี่ยนชื่อ-สกุล(ถ้ามีการเปลี่ยน) ใบโอนการรถของกรมขนส่งทางบก และใบมอบอำนาจจากเจ้าของรถหากเจ้าของรถไม่สะดวกไปด้วยตัวเองในวันโอนกรรมสิทธิ์) และที่สำคัญ จะต้องดูรายละเอียดในเล่มทะเบียนว่าตรงกับตัวรถหรือไม่ เช่น  สีรถ รุ่น ปี เลขตัวรถ เลขเครื่องยนต์ ชื่อ-สกุล ที่อยู่ รหัสบัตรประจำตัวเจ้าของรถ จะต้องถูกต้องครบถ้วน และลายมือชื่อชัดเจน เอกสารทุกชิ้นจะต้องรับรองสำเนาถูกต้องชัดเจน

เล่มทะเบียน(เล่มเขียว)

เล่มทะเบียนรถ

หากดูรายละเอียดทุกอย่างให้ครบถ้วนและอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แล้ว เราก็จะสามารถเลือกซื้อรถจักรยานยนต์มือ2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าอย่างแน่นอน

สุดท้ายนี้ผู้เขียนหวังว่า ท่านผู้อ่านทุกท่านจะได้รับประโยชน์จากข้อมูลทั้งหมดนี้ไม่มากก็น้อย และฝากติดตามบทความต่อๆ ไปของผู้เขียนไว้ด้วยนะครับ

ขอบคุณภาพจาก📸 : คุณประภัส กุลศิโรรัตน์

ฝ้าหลังฝน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์