ก่อนอื่นต้องกล่าวคำว่า "สวัสดีค่ะ" นี่ถือเป็นครั้งแรกของการเขียนรีวิวการไปเที่ยวของตัวเอง เพราะโดยปกติจะเขียนโพสต์ลงใน Facebook ส่วนตัวมากกว่า แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่น่าลองและเป็นการแบ่งปันเรื่องราว ข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เข้ามาอ่านบทความนี้ สำหรับเรื่องราวที่จะนำมาเขียนในครั้งนี้ เป็นประสบการณ์ที่ได้ไปท่องเที่ยวทะเลที่จังหวัดสตูล เป็นครั้งแรกและเป็นการเที่ยวที่รอมายาวนานมาก 3 ปี แต่จะด้วยเหตุผลใดนั้น โปรดติดตามต่อไป... ถ้าหากพูดถึง จังหวัดสตูล หลาย ๆ คนที่ยังไม่เคยไป อาจจะคิดไม่ออกว่ามีที่เที่ยวอะไรบ้าง แต่ถ้าเราเอ่ยชื่อว่า “หลีเป๊ะ” รับรองทุกคนร้องอ๋อ!! แน่นอน จริง ๆ แล้วเราจองทัวร์หลีเป๊ะไว้เมื่อปลายปี พ.ศ.2559 ซึ่งตอนนั้นทางบริษัทมัณฑาวีร์ทัวร์ได้มาตั้งบูธที่ เซ็นทรัลพลาซ่า ลำปาง เราจึงตัดสินใจซื้อทัวร์ไว้(ราคาในตอนนั้นคือ 2,000 บาท รวมค่าที่พักและค่าเรือสำหรับข้ามเกาะแล้วนะคะ) แต่ด้วยภาระหน้าที่ของงานในช่วงเวลานั้นไม่เอื้อต่อการเดินทางก็ปล่อยให้เวลาผ่านไป จนมาดูเงื่อนไขของบริษัทว่าระยะเวลาที่สามารถใช้ได้มีกำหนดเวลา 3 ปี จึงตัดสินใจไปเดือนและปีสุดท้ายตามเงื่อนไข คือ วันที่ 18 – 19 ตุลาคม 2562 เพราะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ฮ่า ๆ หลังจากนี้ไม่มีเวลาที่จะไปได้เลย เข้าสู่เรื่องราวของการเดินทางเลยแล้วกันนะจ้ะ การเดินทางของเราเนื่องจากว่า เราต้องไปกับแฟนซึ่งทำงานอยู่อุดรธานี เราเดินทางไปหาแฟนก่อนจากนั้น เมื่อถึงวันตามกำหนดการเดินทางเราเดินทางพร้อมกันไปกรุงเทพฯเพื่อขึ้นเครื่องบินด้วยรถโดยสารปรับอากาศ (ป.1) ราคาประมาณคนละ 450 บาท ของบริษัท โลตัส พิบูล ทัวร์ จริง ๆ อยากได้ VIP แต่ว่าเต็มแล้วก็เลยอดโดยรวมของบริการและความสะดวกก็ถือว่า โอเคค่ะ แอร์เย็นมาก 03.45 น. เราลงรถกันที่หน้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เนื่องจากคำนวณแล้วว่าไปถึงสนามบินดอนเมืองได้ใกล้ที่สุด จากนั้นนั่งแท็กซี่มุ่งตรงไปยังสนามบินดอนเมือง ใช้เวลานานก็ถึงน่าจะช่วงเวลา 04.10 น. ค่าแท็กซี่ 81 บาท จากนั้นก็รอขึ้นเครื่องค่ะ สำหรับสายการบินที่เราใช้บริการเดินทางคือ Airasia ปลายทางของเราคือ สนามบินหาดใหญ่ (ค่าตั๋วเครื่องบินรวมค่ารถรับส่งไปยังท่าเรือปากบาราและข้ามไปยังเกาะหลีเป๊ะ คนละประมาณ 5,000 บาท) เราจองเวลาที่เช้าที่สุดคือ 06.45 น. เพื่อเราจะไปถึงช่วงสาย (08.10 น.) จะได้มีเวลาที่จะเที่ยวหรือหาร้านอาหารที่ขึ้นชื่อของ ที่นั่น แต่เกิดการวางแผนที่ผิดพลาดเราลืมไปว่าเราจองตั๋วเครื่องบินพร้อมบริการเสริมถึงเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งที่พักของเราอยู่บนฝั่ง แผนที่จะไปเที่ยวที่อื่นก่อนรถที่เราจองผ่านสายการบินจะมารับจึงถูกตัดออกไป 09.00 น. พี่พนักงานมารอรับเราและเดินทางต่อไปยัง “ท่าเรือปากบารา” ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจึงถึงที่หมาย โดยระหว่างนั้นแฟนได้หา One day trip เอาไว้ด้วยเพื่อไม้ให้วันแรกที่เราไปถึงเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เราจึงได้ไปเที่ยวเกาะกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนของที่นั่น ในราคา 1,800 บาท และพิเศษกว่านั้นคือ ทั้งทัวร์มีเรากับแฟน แค่ 2 คน จึงเหมือนได้ไปกันส่วนตัวมากๆ พี่ที่พาเราไปก็บริการดี ให้ข้อมูลและแนะนำเกี่ยวกับการมาเที่ยวทะเลอันดามันละเอียดมาก เราออกไปตามเกาะต่างๆด้วยเรือหางยาวและถูกเน้นย้ำว่า ต้องสวมเสื้อชูชีพ เพื่อความปลอดภัย หลังจากนั้น 16.00 น. เรามาถึงฝั่งพี่ ๆ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนก็มาส่งเราที่ที่พักด้วยรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ก็สนุกดี เย็นมากเพราะฝนเพิ่งตกใหม่ ๆ ในส่วนที่พักทางบริษัททัวร์ได้จองไว้ให้คือ บารารีสอร์ท บรรยากาศและบริการดีมาก ห้องพักก็สะอาด อาหารอร่อย เช้าวันที่ 18 ต.ค.2562 เราก็ตื่นมาทานอาหารเช้าและเดินทางด้วยรถโดยสารที่ทัวร์ได้จัดไว้ให้ พร้อมกับลูกทัวร์คนอื่น ๆ รถโดยสารพาเรามายังบริษัทเรือสปีดโบ๊ทที่จะพาเราข้ามเกาะ ระหว่างที่รอสปีดโบ๊ทมาเราก็เลือกเสื้อชูชีพและซื้ออาหารเครื่องดื่มที่จะเอาติดตัวไปด้วยระหว่างที่ข้ามฝั่ง เราใช้เวลาพอสมควรในการเดินทางไปเกาะต่าง ๆ และประสบการณ์ใหม่อีกอย่างคือ การดำน้ำดูปะการัง แบบคนว่ายน้ำไม่เป็น ฮ่า ๆ ก็ต้องขอบคุณไกด์ที่พาเราไปดำดูความสวยงามของทะเลไทยและดูเราอย่างดี เราแวะตามเกาะต่าง ๆ ถ่ายรูป เล่นน้ำ ดูปะการังตามกำหนดเวลา แล้วจึงเดินทางไปยังเกาะหลีเป๊ะจุดหมายที่เราตั้งใจไว้ พอไปถึงสิ่งแรกที่เห็นคือ นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติเยอะมาก แต่โดยรวมก็ยังเงียบๆเพราะหลีเป๊ะจะมีชีวิตชีวาในเวลากลางคืน ไกด์แนะนำร้านชาชักต้นตำรับเราก็เลยไปอุดหนุนและลิ้มรสชาติ ก็ถือว่าอร่อยตามแบบต้นฉบับ จากนั้นเราก็เดินทางกลับซึ่งเป็นช่วงที่ทุกคนต่างหมดแรงแล้ว ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็งีบเอาแรงกัน เมื่อถึงฝั่งรถโดยสารคันเดิมก็มารับเราไปยังที่พักเช่นเคย 19 ต.ต 62 เช้าวันนี้เดินทางกลับแล้ว เรานั่งรถของที่พักไปยังท่าเรือปากบารา เพื่อติดต่อกับบริษัทบริการรถที่เราได้จองไว้ เราออกเดินทาง 11.00 น. ไปยังสนามบินหาดใหญ่ ไปถึงได้ทานข้าวและขึ้นเครื่องต่อเลย เกือบตกเครื่องด้วย ฮ่าๆ ขึ้นเครื่อง 14.15 น. ถึงกรุงเทพฯ 15.45 น. จากนั้นเราก็เดินทางไปยังศูนย์เดินรถของสมบัติทัวร์ (วิภาวดี) ด้วยพี่วินมอเตอร์ไซต์ (ราคาคันละ 40 บาท) นำสัมภาระไปฝากไว้ เดินไปทานข้าวที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เสร็จแล้วกลับมาอาบน้ำเตรียมขึ้นรถกลับอุดรธานีจ้า จากการเที่ยวในครั้งนี้ ได้ประสบการณ์ในการเดินทางทุกรูปแบบ ที่หวั่นใจที่สุดก็คือเรือ ฟังคนอื่นเขาเล่าว่า... ขึ้นเรือนะจะเมาเรือ เตรียมตัวเลย เราก็แอบกลัวแต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่เป็นไรผ่านมาได้ จะว่าไปการที่เราได้เดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะไปที่ไหน ย่อมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ สร้างเรื่องราวในชีวิตของเราให้มีความตื่นเต้นขึ้นและทำให้เราเรียนรู้ว่า ทะเลไทย มีอะไรให้เราค้นหาอีกมากมาย อ่อ!! ที่สำคัญคือ เที่ยวแล้วก็ต้องช่วยกันดูแลรักษาทะเลไทยกันด้วยนะจ้ะ