กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับเหล่าคอกาแฟทั้งหลาย หลังจากที่ในหัวข้อที่แล้วผมได้อธิบาย หนึ่งในวิธีการทำกาแฟที่เป็นสากลและผู้คนรู้จักกันอย่างแพร่หลายคือการทำกาแฟด้วยเครื่องเอสเปรสโซ่ (Espresso) เอาเป็นว่าไปร้านกาแฟสดหรือร้านคาเฟ่ที่ไหนก็ต้องมีเจ้าเครื่องชงเอสเปรสโซ่นี้ ไม่ว่าเครื่องเล็ก เครื่องใหญ่ แบบหัวชงเดียว สองหัวชง หรือมากกว่า โดยวิธีการชงด้วยเครื่องเอสเปรสโซ่นั้นเป็นการสกัดกาแฟแบบรวดเร็ว เร่งด่วน แต่ในวันนี้ผมจะมาอธิบายการทำกาแฟในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากวิธีที่แล้วค่อนข้างมาก ในวิธีนี้ เรียกได้ว่าผู้ดื่มกาแฟจะต้อง ไม่รีบ ไม่เร่ง มีเวลานั่งรอ อีกทั้งยังต้องมีความเข้าใจใน แหล่งของเมล็ดกาแฟ กรรมวิธีการผลิต และ ระดับการคั่ว มาก่อนแล้วในระดับนึง เพื่อที่จะได้เลือกเมล็ดกาแฟที่จะเอามาชงด้วยวิธีนี้นะครับ มาครับวันนี้ผมจะพาไปรู้จักการดื่มกาแฟที่ลึกลับยิ่งขึ้น พร้อมรึยังครับ ไปกันเลย ถ้าบอกว่าวันนี้จะพามารู้จักวิธีที่เรียกว่า Slow Bar คำนี้อาจจะกว้างเกินไปนิดนึงครับ ผมมาเจาะลึกเข้าไปในวิธีการชง ที่เรียกว่า Pour Over หรือ Drip coffee (กาแฟดริป) นั่นเองครับ หลายๆ ท่านที่ยังไม่เคยลอง คงสงสัยว่าวิธีชงแบบนี้ จำเป็นต้องใช้ความเข้าใจขนาดนี้เลยหรือ ตอบได้ในทันทีเลยครับว่า ใช่ เพราะวิธีนี้จะชงออกมาเฉพาะ "กาแฟดำเท่านั้น" จะร้อนหรือเย็นนั้นตามที่จะชอบเลยครับ และจะดื่มแบบไม่ใส่นม ไม่เติมน้ำเชื่อมและการแต่งกลิ่นใดๆ ทั้งสิ้น เพื่ออะไร ? หลายๆ คนที่ยังไม่เคยลองคงตั้งคำถาม ผมตอบให้ว่า เพื่อให้ไม่มีอะไรไปรบกวน รสชาติและเทส ต่างๆ ของกาแฟตัวนั้น ที่เราเลือกมาทำเป็นกาแฟดริปครับ อย่างที่ผมได้อธิบายไปใน บทความก่อนๆ เรื่องแหล่งที่ปลูก สายพันธุ์ กรรมวิธี และการคั่ว จะรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนครับ ส่วนวิธีการทำ Pour Over หลายๆ คนที่ไปดูตามคาเฟ่ที่มีคงคิดว่าชงง่ายๆ ใช่ไหมครับแค่เลือกเมล็ดกาแฟที่ชอบ นำมาบด จากนั้นนำกาแฟบดที่ได้มาวางบนกระดาษกรองแล้วเทน้ำร้อนด้านบนผ่านกระดาษกรองสองสามครั้งแล้วปล่อยให้ไหลจนหมด แต่ไม่ใช่เลย เพราะจะชงแบบนี้ได้ บาริสต้าจะต้องมีความเข้าใจค่อนข้างมากเลยทีเดียว เพราะการชงวิธีนี้ ต้องมีความเข้าใจในการเลือกเบอร์บดที่เหมาะสมที่สุด หลังจากนั้น ต้องกำหนดความร้อนของน้ำ ที่จะใช้ให้เหมาะสมกับชนิดของเมล็ดกาแฟ ด้วยครับ ยังครับยังไม่หมด ต้องกำหนดอัตราส่วน กาแฟและน้ำด้วยเช่น กาแฟชนิดนี้ควรใช้ที่เท่าไหร่ด้วยเช่น กาแฟ 1กรัม ต่อน้ำ 14 มิลลิลิตร ยังมีอีกครับ ต้องกำหนดเวลาในการสกัดด้วยเช่นกัน เวลาควรจะอยู่ที่ สองนาทีสามสิบวินาที ไปจนไม่เกิน สามนาทีครับ ปัจจัยหลายๆ อย่างไม่ตายตัวนะครับ เมล็ดกาแฟ แต่ละชนิด ทุกอย่างจะต่างออกไป ไม่ว่าการบด ความร้อนของน้ำ อัตราส่วนและที่สำคัญ อุปกรณ์การทำที่ปัจจุบันมีให้เลือก ดริปหลากหลายแบบจะทำให้รสชาติต่างกันออกไป (ส่วนตัวผมชอบดริปจาก V60 มากที่สุด) เห็นแบบนี้แล้วคิดว่ายากแล้วใช่ไหมครับ แต่ถ้าได้ลองการชงแบบนี้หลายๆ คนจะหลงใหลกาแฟดำแบบนี้ไปเลยครับ Pour Over หรือ การดริปกาแฟ เป็นอีกวิธีหนึ่งในการทำหรือชงกาแฟ เพื่อให้เราสามารถสกัดรสชาติที่ดีที่สุดของกาแฟแต่ละเมล็ดออกมาหลายๆ คนคงเข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่า บาริสต้า ต้องมีความเข้าใจเรื่องกาแฟมากพอสมควร กว่าจะมารังสรรค์ กาแฟที่มีคุณภาพและอธิบายสื่อสารให้กับเราๆ ท่านๆได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น เพราะกาแฟไม่มีสูตรที่ตายตัว มีแต่รสนิยมและความชื่นชอบในแต่ละบุคคลนี้แหละคือ ศิลปะในการดื่มกาแฟครับ บทความหน้าผมจะมานำเสนอวิธีการทำกาแฟด้วยวิธีไหน อย่าลืมติดตามกันนะครับ ขอขอบคุณภาพ ภาพปกโดยJulien Labelle unsplash.com/photos/k1n63-PXsxs ภาพอุปกรณ์การดริปกาแฟ freepik.com/free-photo/making-drip ภาพเครื่องบดกาแฟด้วยมือ freepik.com/free-photo/antique-coffee-grinder ภาพวิธีการดริปกาแฟ freepik.com/free-photo/man-making-drip