สำหรับมือใหม่หัดปลูก ที่ต้องการปลูกไม้ป่าหรือไม้เศรษฐกิจ ไม่ว่าจะทำเป็นสวนป่า, เป็นไม้กันแนวลมหรือเพื่อบ่งบอกแนวเขตที่ดินของเราก็ตาม วันนี้จะขอพูดถึงการขอรับกล้าไม้จากกรมป่าไม้ โดยเราสามารถขอรับกล้าไม้ได้ที่ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ และสถานีเพาะชำกล้าไม้ของกรมป่าไม้ 116 แห่งทั่วประเทศตามพื้นที่จังหวัดที่เราอยู่อาศัย ในจุดให้บริการจะมีเจ้าหน้าที่ค่อยให้คำแนะนำในการปลูกและดูแลไม้แต่ละชนิดสามารถสอบถามได้ สำหรับกล้าไม้ที่นำมาแจกจ่ายให้กับประชาชน เช่น ยางนา, พะยูง, มะค่า, แดง, ประดู่, แคนา, ต้นคูณ, ขนุน เป็นต้นศูนย์เพาะชำที่เราเดินทางมาบรรยากาศร่มรื่น คล้ายสวนป่า ต้นไม้ครึ้มตลอดทาง จำนวนคนเดินทางมาขอรับกล้าไม้มีมากพอสมควรและทยอยมาเพิ่มเรื่อยๆ ตลอดทั้งวันหลักเกณฑ์ในการขอรับกล้าไม้1. ผู้ขอรับกล้าไม้ต้องยื่นคำขอและมาขอรับกล้าไม้ด้วยตนเอง (ตามแบบคำขอรับกล้าไม้พร้อมหลักฐาน)2. ตรวจสอบชนิดไม้ที่ต้องการนำไปปลูกว่ามีชนิดไม้ที่ต้องการหรือไม่3. ติดต่อขอรับกล้าไม้ได้ที่ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ สถานีเพาะชำกล้าไม้ และหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่แจกจ่ายกล้าไม้ โดยไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมใด ๆ ทั้งสิ้น4. ประชาชนทั่วไปสนใจติดต่อขอรับกล้าไม้ได้รายละไม่เกิน 1,500 ต้น/ปีหากมีโครงการปลูกต้นไม้ที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้าและมีพื้นที่เป้าหมายชัดเจน สามารถขอรับกล้าไม้ได้มากกว่ารายละ1,500 ต้น/ปี โดยให้ยื่นหนังสือแสดงโครงการ พร้อมหลักฐานประกอบแนบคำขอ5. ศาสนสถาน หน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชนทั่วไป ขอได้หน่วยงานละไม่เกิน 10,000 ต้น/ปี แต่หากมีโครงการปลูกต้นไม้ที่ไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการค้าและมีพื้นที่เป้าหมายชัดเจน สามารถขอรับกล้าไม้ได้มากกว่ารายละ 10,000 ต้น/ปี โดยให้ยื่นหนังสือแสดงโครงการพร้อมหลักฐานประกอบแนบคำขอ หลักฐานการขอรับกล้าไม้ 1. บัตรประชาชน2. ถ้าเป็นโครงการต้องแนบรายละเอียดโครงการ เอกสารที่ดินและแผนที่สังเขปการพิจารณา1. หน่วยงานเพาะชำกล้าไม้ เมื่อได้รับคำขอจะพิจารณาแจกจ่ายกล้าไม้ตามจำนวนที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงจำนวนผู้ยื่นคำขอ ปริมาณกล้าไม้ที่มีอยู่และจำนวนพื้นที่ปลูกเป็นหลัก2. เจ้าหน้าที่ผู้ได้รับหนังสือแสดงโครงการจะตรวจสอบหลักฐานเบื้องต้นก่อน หากเป็นโครงการที่สมควรสนับสนุนกล้าไม้ให้พิจารณาเสนอความเห็นเกี่ยวกับจำนวนกล้าไม้ที่ควรสนับสนุน โดยคำนึงถึงเป้าหมายของโครงการ จำนวนผู้ยื่นโครงการ ปริมาณกล้าไม้ที่มี และจำนวนพื้นที่ปลูก เป็นหลักหมายเหตุ หน่วยงานที่แจกจ่ายกล้าไม้จะมีการติดตามประเมินผลการจ่ายกล้าไม้ดังกล่าว โดยวิธีสุ่มตัวอย่าง โดยแบ่งเป็นกลุ่ม ได้แก่ 50 – 1,000 กล้า และมากกว่า 1,000 กล้า ขึ้นไป ในแต่ละกลุ่มให้สุ่มตัวอย่างไม่น้อยกว่าร้อยละ 2 ของผู้มาขอรับกล้าไม้ ตามระเบียบกรมป่าไม้ พ.ศ. 2552ในส่วนของผู้เขียนนั้นได้โทรสอบถามก่อนเดินทางมา เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีแจกกล้าไม้ช่วงนี้และสามารถเดินทางมารับได้เลย เมื่อมาถึงสถานนีเพาะชำ (หากมีประชาชนจำนวนมาก จะมีเจ้าหน้าที่แจกบัตรคิว) ระหว่างรอจะมีเอกสาร หรือ เมนูต้นไม้ให้เรานั่งดู เป็นข้อมูลเกี่ยวกับกล้าไม้, รูปภาพ ให้เราดูเพลินๆ ระหว่างรอ แต่กล้าไม้ที่จะให้ในวันนั้นๆ เจ้าหน้าที่จะแจ้งอีกทีว่าวันนี้มีต้นอะไรบ้าง ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนที่เพาะได้ กล้าไม้ที่ได้รับอาจจะเป็นต้นไม้ที่โตพอสมควรที่เพาะในถุงดำหรืออาจจะเป็นต้นเล็กในถาดเพาะ เนื่องจากมีประชาชนมาขอรับเป็นจำนวนมากทำให้เพาะไม่ทัน บางต้นเป็นที่นิยมก็จะหมดเร็วหน่อย สิ่งที่เราต้องพกมาคือบัตรประจำตัวประชาชนและโฉนดที่ดิน เจ้าหน้าที่จะทำการสอบถามถึงพื้นที่ที่จะปลูก ชนิดและจำนวนกล้าไม้ที่จะขอรับ และมีคำแนะนำถึงต้นไม้ที่น่าสนใจ (กล้าไม้ที่มีแจกในแต่ละเขตแต่ละพื้นที่จังหวัดอาจจะมีแตกต่างกันไปบ้าง)หลังจากให้ข้อมูลเสร็จจะมีเอกสารให้เซ็นยืนยันว่าเรามาขอรับต้นไม้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้เอกสารมาและแจ้งเราให้ไปยังจุดเพาะชำกิ่งไม้ตามหมายเลขในเอกสารว่าต้นใดอยู่ที่จุดเพาะชำหมายเลขอะไร ที่จุดเพาะชำจะมีพี่ๆ ที่เพาะชำกล้าไม้คอยให้บริการซึ่งขอให้เรารันตามคิว เพราะคนมาใช้บริการเยอะและขอต้นไม่เป็นจำนวนมากต่อราย ซึ่งจำนวนเจ้าหน้าที่อาจจะไม่พอกับจำนวนคนที่มาและใช้เวลานานหน่อยตั้งแต่ขั้นตอนแรก หลังจากได้รับต้นไม้แล้วให้กลับมาที่จุดแรกเพื่อถ่ายภาพเป็นที่ระลึก (เป็นหลักฐานว่าเรามาขอรับต้นไม้ไปจริง) และคืนเอกสารใบนั้น เป็นอันจบกระบวนการในระหว่างที่เดินถ่ายภาพสายตาไปสะดุดที่ภาพพี่ผู้ชายกำลังสาดดินไปที่ตะแกรงลวดเลยสนใจเข้าไปถาม พี่เขาอธิบายว่าเป็นการคัดแยกเศษหิน, ดินเม็ดใหญ่ออกจากกองดินและเป็นการผสมขุยมะพร้าวและดินเข้าด้วยกันไปในตัว (ตามภาพจะเห็นกองดินที่มีขุยมะพร้าวกองทับๆ กัน) หินและดินเม็ดใหญ่จะกระเด้งกับมาที่เดิมส่วนดินและขุยมะพร้าวจะลอดตะแกรงไปอีกฝั่งลงในถาดเพาะชำด้านล่างพอดี** สิ่งที่เราควรเตรียมไปเพิ่มคือ กะละมังหรือแผ่นพลาสติกเพื่อรองกันดินเลอะรถสำหรับรถเก๋ง เพราะหากเราได้รับต้นไม้ที่มาจากถาดเพาะ เขาจะแกะออกจากถาดแล้วใส่ต้นไม้รวมๆ กันมาในถุงพลาสติก จะได้ใส่ลงในถังหรือกะละมังกันเศษหกเลอะเทอะ ต้นไม้ที่เราได้รับกลับมาวันนี้เป็นไม้จากถาดเพาะ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเป็นต้นไม้รากลอย และแนะนำว่าเมื่อนำไปแล้วให้ปลูกเลยทันที หรือถ้ายังไม่ปลูกต้องนำไปดูแลต่อโดยลงในถุงดำหรือกระถางเล็ก เพื่อไม่ให้ต้นไม้ตายก่อนนำไปลงดินในวันที่เรามีเวลาสำหรับใครที่สนใจขอรับกล้าไม้ไปปลูกเพื่อเพิ่มพื้นที่เขียวให้กับบ้าน สวน หรือนา ก็สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพันธุ์ไม้หรือสอบถามไปได้ที่ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ และสถานีเพาะชำกล้าไม้ของกรมป่าไม้ตามพื้นที่จังหวัดที่เราอยู่อาศัย จากที่เคยโทรสอบถามเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำดี, บริการดี ตอนนี้มีบริการลงทะเบียนขอกล้าไม้ออนไลน์แล้วนะคะ โดยเราสามารถทำเรื่องขอออนไลน์ไปก่อนและเจ้าหน้าที่จะแจ้งนัดวันมารับต้นไม้ผ่านทางอีเมลหรือช่องทางติดต่อที่ให้ไว้จะได้ไม่เสียเวลาค่ะ ภาพถ่ายโดยผู้เขียนภาพกราฟฟิกการขอกล้าไม้ออนไลน์ : https://www.forest.go.th/nursery/howtoreservetree/https://www.forest.go.th/nursery/การติดต่อขอรับกล้าไม้/หลักเกณฑ์/