หลายคนตามข่าวปรากฏการณ์ GameStop ในตลาดหุ้นอเมริกา ระหว่างกลุ่มทุนรายใหญ่ที่หวัง Short หุ้น ทำกำไร แต่ต้องขาดทุนมหาศาลเพราะกลุ่มนักลงทุนรายย่อยรวมตัวกันซื้อหุ้นเอาคืน จนเป็นข่าวโด่งดังทั่วโลกตามที่ได้ทราบกันไปแล้ว แต่ประโยคใจความสำคัญของข่าว “นักลงทุนรายย่อยแห่ซื้อหุ้น” หลายคนโดยเฉพาะที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงนักลงทุนคงจะสงสัยกันว่าแห่กันซื้อหุ้นมันก็ดีสิ? แล้วมันทำให้รายใหญ่ขาดทุนได้อย่างไร มันมีเรื่องซับซ้อนกว่านั้นแต่ไม่ยากที่จะทำความเข้าใจ เพราะการลงทุนเป็นเรื่องสนุก ว่าแล้วเราเริ่มกันเลยครับ หุ้นมีมูลค่าของมัน เราซื้อ 5 บาท หุ้นขึ้น เอาไปขาย 10 บาท = ได้กำไร หุ้นตก ตัดใจขาย 3 บาท = ขาดทุน แต่ในตลาดหุ้นใหญ่ ๆ ระดับโลก มีเทคนิคลงทุนที่ไม่จำเป็นต้องซื้อถูกขายแพง แต่ทำตรงข้ามกันขายแพงแล้วซื้อถูกก็ได้กำไร เค้าทำได้อย่างไร? มาถึงเรื่องที่เป็นหัวข้อข่าวนั่นคือ Short หุ้น มันมีชื่อเรียกหลายอย่างนะ Short Selling , Short Sell แต่ไม่ต้องสนใจเพราะโดยความหมายคือการที่เราไม่มีหุ้นตัวนั้นในมือ แล้วไปขอยืมหุ้นจากคนอื่นมาซื้อขายระยะสั้นตามชื่อ ตกลงกันว่าจะคืนตามระยะเวลาที่กำหนดพร้อมดอกเบี้ยเท่าไหร่ก็ว่าไป เช่นหุ้นชื่อสมมุติ ABC ราคาตลาด 10 บาท เราไปขอยืมจากเพื่อนเราที่มีหุ้นตัวนี้ 100 ล้านหุ้น เป็นเงิน 1,000 ล้านบาท ตกลงกันว่าวันที่ 1 เดือนหน้าจะเอาหุ้นมาคืนครบตามจำนวน พร้อมดอกเบี้ย 10 เปอร์เซ็นต์ เป็น 1,100 ล้านบาท ถามว่าเพื่อนเราจะเอามั้ย ก็เอาสิ! อยู่ดี ๆ ได้เงิน 100 ล้านบาท หุ้นก็ได้คืนมาครบ แล้วเอาไปทำกำไรได้อย่างไร? ความสนุกกำลังเริ่มขึ้นครับ เราก็เอา 100 ล้านหุ้นที่ยืมมาขายในราคาตลาดเริ่มจาก 10 บาท ทยอยขายไปเรื่อย ๆ อาจจะได้ราคาเฉลี่ย 9.50 บาท ได้เงินมา 950 ล้านบาท พอปล่อยหุ้นไปไม้ท้าย ๆ ปริมาณมาก (ภาษาคนเล่นหุ้น ตั้งขายจำนวนหุ้น/ครั้ง = ไม้) ในทางจิตวิทยาหุ้นลงมาเยอะคนจะแห่ขาย จนราคาลงไปสัก 7 บาทก็เริ่มซื้อคืน กว่าจะซื้อครบได้ราคาเฉลี่ย 7.50 เป็นเงิน 750 ล้าน ยังจำตัวเลขที่ขายไปได้กำไร 950 ล้านบาทได้นะครับ ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพื่อน 100 ล้าน หลายคนเอาเครื่องคิดเลขมากด ใช่แล้วครับ เหลือกำไร 100 ล้าน จากข่าว GameStop ในตลาดหุ้นอเมริกา ถึงบางอ้อกันแล้วใช่มั้ยว่าเมื่อรายย่อยรู้ข่าวมีนักลงทุนรายใหญ่พยายามทำ Short หุ้น ของบริษัท GameStop โดยขายหุ้นในมือออกไปแล้ว มีมือดีโพสต์ระดมให้รายย่อยในกลุ่มที่มีคนนับล้าน ระดมซื้อหุ้นบริษัท GameStop จนราคาบวกขึ้นไปกว่าพันเปอร์เซ็นต์ ทำให้บรรดาเศรษฐีนายทุนที่ยืมหุ้นเค้ามา ไม่สามารถซื้อหุ้นในราคาถูกกว่าที่ขายมาคืนได้ ฝั่งที่ให้ยืมก็เสียหุ้นในมือไปแล้วขาดทุนยับทั้งสองฝั่ง ในกรณีสมมุติข้างบนเราทุบจนหุ้นลงไป 7 บาทอยู่ในช่วงรอซื้อคืน หุ้นดีดขึ้นไปสัก 600 เปอร์เซ็นต์ก็กดเครื่องคิดเลขกันแทบไม่ไหวหมดสิทธิ์ซื้อคืน เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้นั่นเองครับ แต่ในตลาดหุ้นบ้านเรามีกลไกควบคุมของตลาดหลักทรัพย์คุ้มครองนักลงทุนรายย่อยอยู่ และขนาดของตลาดไม่ใหญ่ตรวจสอบธุรกรรมผิดปรกติได้ง่ายก็ทำให้อุ่นใจได้ ถือเป็นความรู้อีกด้านที่มีประโยชน์ และทำให้ใครหลายคนติดตามข่าวที่เป็นดราม่าระดับโลกนี้อย่างมีความเข้าใจมากขึ้น แล้ววันหน้ากลับมาติดตามเรื่องราวน่าสนใจแบบนี้กันได้อีกครับ.. ภาพประกอบโดย ภาพปก : StockSnap จาก pixabay / ภาพที่ 1 : AhmadArdity จาก pixabay / จากโปรแกรมซื้อขายจริง efin Trade Plus ของผู้เขียน / ภาพที่ 3 : 3844328 จาก pixabay