ในบรรดาเมนูขนมหรือของทานเล่น หลายคนคงนึกถึงเมนูกล้วย ๆ หลากหลายเมนู ทั้งนำไปฉาบ เชื่อม ตาก ต้ม อบ ทอด บวชชี ฯลฯ สุดแท้แต่จะสรรหากรรมวิธีมาดัดแปลงปรับปรุง กล้วยจึงเป็นของคู่ครัวไทยมาช้านาน วันนี้ผมจึงมีเมนูกล้วย ๆ ที่ทำทานได้ไม่ยากมาฝากกัน เมนูนั้นคือกล้วยปิ้งราดซอสกะทิคาราเมล วิธีทำก็ง่ายราวปลอกกล้วยเข้าปาก ซึ่งจะมาบอกสูตรเด็ดเคล็ดลับกันแบบปลอกหมดเปลือกเลยทีเดียว วัตถุดิบสำหรับการทำกล้วยปิ้งราดซอสคาราเมลนั้นมีอยู่ไม่กี่อย่าง คือกล้วยหนึ่งหวี น้ำกะทิกล่อง เกลือ น้ำตาลมะพร้าว และแป้งข้าวโพด เริ่มจากเตรียมกล้วยห่ามหรือจวนสุก วิธีดูไม่ยาก เพียงใช้ตาดูกับมือสัมผัส เปลือกกล้วยหวีนั้นต้องไม่เขียวไม่เหลือง ครึ่ง ๆ กลาง ๆ บีบดูแล้วไม่นิ่มไม่แข็งจนเกินไป เพราะหากกล้วยดิบเวลาปิ้งแล้วจะแข็ง ส่วนถ้าสุกไปจะเละ เมื่อได้กล้วยตามที่ต้องการก็ทำการปลอกเปลือกออกให้หมดแล้วนำมาแช่น้ำเกลือไว้สักพัก เวลาปิ้งสุกแล้วจะได้มีรสออกเค็มนิด ๆ จากนั้นนำกล้วยที่แช่น้ำเกลือมาเรียงบนหม้ออบลมร้อน ตั้งเวลาสัก 15 – 20 นาที คอยสังเกตดูผิวพอมีรอยไหม้เล็กน้อยเป็นอันใช้ได้ ระวังอย่างเดียวอย่าให้ไหม้เกรียมจนดำเป็นถ่านทานไม่ได้ อีกวิธีหนึ่งหากใครไม่สะดวกใช้เตาอบลมร้อนจะจุดไฟตั้งเตาถ่านเสียบไม้ปิ้งก็ไม่ขัดข้องครับ พอได้กล้วยปิ้งแล้วพักให้เย็นไว้ก่อน มาลงมือทำซอสกะทิคาราเมลกันต่อ ที่จริงก็คือนำกะทิสำหรับราดขนมทั่วไปนี่แหละครับ แต่ขอเรียกให้ดูยกระดับเมนูกล้วยสักหน่อย เพราะซอสกะทิที่ว่าเมื่อทำเสร็จจะมีสีคล้ายคาราเมล อันดับแรกให้นำน้ำกะทิกล่องผสมเข้ากับเกลือสักหนึ่งหยิบมือ น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา ก่อนนำขึ้นตั้งไฟอ่อนเคี่ยวให้พอข้น แล้วเอาลงพักไว้จนเย็น ที่จริง บางตำรับอาจนำไปอบควันเทียนให้หอมหวานครบทั้งกลิ่นและรส แต่สำหรับผมไม่ต้องอบก็ได้ครับ อร่อยไปกว่านี้จะลำบากคุณหมอเอา ย้อนกลับมาจัดการกล้วยปิ้ง เมื่อเย็นดีแล้วนำไปทับให้แบนสักหน่อย จะตัดเป็นชิ้นพอดีคำหรือทานมันทั้งชิ้นก็ได้ ถึงขั้นตอนนี้ต้องระวังให้ดีนะครับ ผมเคยเจอมากับตัว พอทำซอสกะทิคาราเมลเสร็จแล้วปรากฏว่ากล้วยปิ้งหาย หาอย่างไรก็หาไม่เจอ พยานแวดล้อมก็ปิดเรื่องเงียบไม่ปริปากสักคำ มารู้อีกทีจับได้คาปากคาฟันตัวเองเพราะกำลังเคี้ยวกล้วยปิ้งอยู่ ยังไม่ทันได้ราดซอสกะทิคาราเมล เพราะเท่านั้นก็อร่อยแล้ว แต่ถ้าจะให้เอมโอชะก็ต้องราดซอสกะทิคาราเมลสักหน่อยครับ ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน