อื่นๆ

กฎแห่งแรงดึงดูดในมุมมองของวิทยาศาสตร์

956
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
กฎแห่งแรงดึงดูดในมุมมองของวิทยาศาสตร์

ทุกท่านอาจจะเคยได้ยินเรื่องของ “กฎแห่งแรงดึงดูด” ที่โด่งดังจากหนังสือที่ชื่อ The secret ของคุณ Rhonda Byrne กันมาบ้างแล้ว ที่ว่าด้วยเรื่องความคิดของเรามีแรงดึงดูด และมันจะดึงดูดสิ่งที่เราเชื่อหรือคิดถึงมันบ่อย ๆ จนเราได้ครอบครองสิ่งนั้น โดยกฎนี้ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน การเรียน ไปจนถึงเรื่องความรัก

0

แต่ว่าบทความนี้ไม่ได้จะมาอธิบายวิธีการใช้ หรือวิธีที่จะทำให้มันได้ผลแต่อย่างใด เพราะคงมีหลายบทความดี ๆ ที่อธิบายไปหมดแล้ว แต่ผมจะมาอธิบายกลไกของมันตามหลักของวิทยาศาสตร์ ว่ามันทำงานอย่างไรจึงสามารถดึงดูดสิ่งที่ต้องการจนทำให้เราสามารถครอบครองสิ่งนั้นได้ หากทุกท่านอยากรู้ก็ลองอ่านบทความนี้ได้เลยครับ

0

แท้จริงแล้วกฎแห่งแรงดึงดูดมันไม่ได้มีอำนาจที่จะดึงดูดสิ่งที่ต้องการให้มันเข้ามาหาคุณด้วยตัวของมันเองเพราะว่ามันเป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น ซึ่งความคิดมันเป็นแค่กระแสไฟฟ้าเพียงน้อยนิดที่ใช้สื่อสารกันระหว่างเส้นประสาทในสมองของคุณ  มันไม่ได้มีพลังงานมากมายที่จะสามารถดึงดูดอะไรได้ด้วยตัวของมันเอง มันเพียงแค่ทำให้คุณมองเห็นในสิ่งที่คุณกำลังสนใจมากขึ้น ด้วยกลไกของระบบสมองที่เรียกว่า RAS (Reticular Activating System) ซึ่งระบบนี้มันจะทำหน้าที่กรองสิ่งที่เราไม่สนใจทิ้งไป ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ทั้ง ๆ ที่คุณรู้ว่าตัวเองใส่เสื้ออยู่ตลอดเวลา แต่คุณไม่เคยรู้สึกถึงเนื้อผ้าที่มันสัมผัสกับร่างกายของคุณเลย จนกว่าคุณจะเพ่งความสนใจไปที่ร่างกายของคุณ ไม่เชื่อลองเพ่งความสนใจไปที่ร่างกายของคุณดูเลยครับ เห็นไหมครับว่าคุณรู้สึกได้จริง ๆ ว่าร่างกายคุณสัมผัสกับเนื้อผ้าอยู่

Advertisement

Advertisement

0

กลไกของระบบ RAS ก็คือมันจะมองเห็นเฉพาะสิ่งที่เรามองหา อะไรที่ไม่สำคัญมันก็จะมองข้าม ได้ยินข้าม และรู้สึกข้ามไป เหลือเพียงแค่สิ่งที่คุณสนใจเท่านั้น ก็เปรียบเสมือนสิ่งที่อัลกอริทึมของโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน คือมันจะนำเสนอเฉพาะสิ่งที่คุณกำลังสนใจ อาจสังเกตจากพฤติกรรมการกดไลค์ กดแชร์ หรือค้นหาเรื่องนั้นบ่อย ๆ โดย AI หรือปัญญาประดิษฐ์จะจดจำว่าคุณกำลังสนใจเรื่องนี้ และมันจะนำเสนอเรื่องที่คุณสนใจให้เห็นบ่อยขึ้น อย่างเช่น ตอนที่เราฟังเพลงในยูทูปหากเราฟังเพลงร็อคบ่อย ๆ มันก็จะมีแต่เพลงร็อคขึ้นมาให้คุณได้ฟัง

0

เมื่อเราคิดถึงสิ่งนั้นมาก ๆ และใส่ความรู้สึกว่าได้สิ่งนั้นมาครอบครองด้วยแล้วละก็ สมองของเราจะจดจำว่าเราได้สิ่งนั้นมาแล้วและมันจะพยายามรักษาสิ่งนั้นไว้ โดยมันจะพยายามมองหาทุกสิ่งทุกอย่างที่มันจะทำให้ภาพนั้นเป็นจริงขึ้นมาได้ และมันจะทำให้เราเป็นคนที่คู่ควรกับสิ่งที่ต้องการด้วย เพราะว่าการที่เราคิดถึงสิ่งใดมาก ๆ เราจะมีพฤติกรรมคล้ายกับสิ่งนั้นเสมอ อย่างเช่น หากเราคิดว่าเราจะประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจและมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ความคิดนั้นมันจะส่งผลต่อคำพูด การกระทำ นิสัย ให้เราเหมาะสมกับการประสบความสำเร็จ และพยายามมองหาโอกาสจนมันส่งผลถึงโชคชะตาของเราในที่สุด
0

Advertisement

Advertisement


แบ่งปันจากประสบการณ์จริง

ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าประสบการณ์ในอดีตที่เคยเจอมันคือหนึ่งในกลไกของกฎแห่งแรงดึงดูด แต่พอได้ศึกษาเรื่องนี้และกลับไปวิเคราะห์เรื่องในอดีตก็ทำให้ผมเข้าใจสิ่งที่ได้ศึกษามากขึ้น ผมจึงขอวิเคราะห์สิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับผมให้ทุกท่านอ่านกันนะครับ ย้อนกลับไปตอนที่ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 ผมเคยตั้งใจไว้ว่าผมอยากจะจบโดยได้เกียรตินิยมอันดับ 2 ให้ได้ (ผมประเมินศักยภาพตัวเองแล้วว่าคงไม่ได้อันดับ 1 แน่นอนเลยไม่หวังอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้) การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและค่อนข้างใหญ่แบบนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ จากคนที่ไม่อ่านหนังสือก็สนใจอ่านหนังสือมากขึ้น มีวินัยมากขึ้น ขยันมากขึ้น จากนั้นพฤติกรรมของผมก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปให้เหมาะสมกับสิ่งที่ผมปรารถนามากขึ้น และนอกจากนั้นผมยังมองเห็นโอกาสให้พัฒนาตนเองอยู่เรื่อย ๆ ด้วย อย่างเช่น บางเวลาที่ผมไม่มีคาบเรียนแต่เพื่อนอีกห้องมีเรียนวิชาที่สำคัญซึ่งผมได้เรียนไปแล้ว ผมก็จะมองเห็นโอกาสที่จะได้เรียนซ้ำรอบสองเพื่อทบทวนเนื้อหาแทนที่จะเอาเวลาไปนอนเล่น ผมพยายามพัฒนาตนเองอยู่เรื่อย ๆ จนในที่สุดผมก็สามารถคว้าความสำเร็จครั้งนี้มาไว้ได้ ผมจึงเข้าใจว่าทำไมหัวใจสำคัญของกฎแห่งแรงดึงดูดคือต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะมันทำให้เรารู้ว่าเราต้องเตรียมตัวอย่างไรและต้องพัฒนาตนเองอย่างไรให้คู่ควร ส่วนโอกาสที่มองเห็นก็เป็นเรื่องของสมองที่กรองสิ่งที่มันตรงกับความต้องการมาให้ผมเพราะว่าหากผมไม่ได้ต้องการเกียรตินิยมอันดับ 2 สมองของผมคงไม่บอกว่านี่คือ"โอกาสที่จะพัฒนาตนเอง"และผมก็คงเอาเวลาไปนอนเล่นแล้ว

Advertisement

Advertisement


จะเห็นได้ว่าหากคน ๆ หนึ่งที่ใช้กฎแห่งแรงดึงดูดนี้จนได้ผล มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเรื่องเหนือธรรมชาติแต่อย่างใด มันมีกระบวนการของมันอยู่เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากกลไกภายในสมองของเราเอง หากเราเข้าใจถึงกลไกของมันเราก็จะได้ไม่งมงายและหลับหูหลับตาใช้อย่างไร้สติ

0

ถึงแม้ความคิดจะไม่ได้มีพลังงานด้วยตัวของมันเองแต่มันเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของชะตาชีวิต แต่ว่าเราจะไม่มีทางได้สิ่งที่เราปรารถนาหากปราศจากการลงมือสร้างชะตาชีวิตด้วยตัวของเราเอง ไม่มีทางที่จะคิดเพียงอย่างเดียวแล้วจะได้มาครอบครอง สิ่งที่เราต้องเชื่อมั่นอีกอย่างก็คือการกระทำของเราเอง ฉะนั้นหากอยากใช้กฎแห่งแรงดึงดูดนี้ให้ได้ผลคุณต้องลงมือทำมันด้วย ถึงจะสมเหตุสมผลตามหลักของวิทยาศาสตร์ หวังว่าบทความนี้จะให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์กับทุกท่านนะครับ ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ


อ้างอิงข้อมูลจาก :

หนังสือสมองเศรษฐี - ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร

หนังสือ The secret - Rhonda Byrne

https://www.youtube.com/watch?v=Fwe05coc4Xc&t=1438s


​​​​​​ขอบคุณภาพประกอบจากภาพปก/ภาพที่1/ภาพที่2/ภาพที่3/ภาพที่4/ภาพที่5/ภาพที่6/

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์