ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นที่รู้จักกันมากคงจะไม่พ้นฮีโร่ของฝั่ง Marvel ครับ นั่นเป็นเพราะแนวทางการทำภาพยนตร์ในรูปแบบ Universe ในชื่อว่า MCU (Marvel Cinematic Universe) ภาพยนตร์ฮีโร่แต่ละเรื่องจะมาเนื้อหาเชื่อมโยงกันและกัน บวกกับโทนหนังที่ดูได้ทุกวัยทำให้ได้รับความนิยมสูงในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา จากความสำเร็จนี้ย่อมทำให้อีกฝั่งอย่าง DC Comics เริ่มจะทำบ้างแต่ว่าไปได้ไม่สวยเท่าไหร่การทำจักรวาลภาพยนตร์ฮีโร่ของ DC ถือว่าเป็นการทำตามโดยที่ไม่ได้วางแผนอย่างละเอียดนัก สังเกตได้จาก Batman v Superman: Dawn of Justice ภาพยนตร์ฮีโร่ที่พยายามใส่เนื้อหาประเด็นต่าง ๆ เข้ามามากเกินไป จนจับประเด็นไม่ได้รวมไปถึงการเดินเรื่องที่ชวนสับสนและเครียดแทน ทำให้เหมือนว่าจักรวาลภาพยนตร์ DC ดูจะ "รีบร้อน" จนเกินไป ทำให้อะไร ๆ ดูรู้สึก "ยัดเยียด" เสียมากกว่าครับอย่างไรก็ดีหลังจากนั้นก็มีภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เดี่ยวอีกเรื่องที่เตรียมตัวจะปูทางต่อไปนั่นคือ Wonder Woman นำแสดงโดย Gal Gadot ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นความหวังใหม่ที่จะทำให้จักรวาล DC ดูสดใสขึ้น จากการเดินเรื่องและทิศทางของหนังโดยรวมแล้วมันถือว่าเป็นหมุดหมายสำคัญที่ภาพยนตร์เดี่ยวของ DC ควรมีแนวทางแบบนี้แต่มันเป็นเพราะเหตุใดกันแน่ที่ Wonder Woman ทำได้ดีกว่าภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ในจักรวาลเดียวกัน มีเสียงวิจารณ์ในแง่บวกมากกว่าลบ โดยสาเหตุนั้นมันก็มาจากแนวคิดการเดินเรื่องของ Patty Jenkins ผู้กำกับซึ่งได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เมื่อเธอรู้ต้นกำเนิดของซูเปอร์ฮีโร่คนนี้จึงอยากทำออกมาให้ดูเรียบง่าย ให้มีความคลาสสิคโดยที่คนดูไม่ต้องคิดซับซ้อนนัก แต่ก็ต้องทำให้ตัวของ Wonder Woman มีเสน่ห์ดึงดูดสายตาด้วยบวกกับการนำฮีโร่หญิงคนนี้ออกมาผจญภัยในโลกที่เธอไม่คุ้นเคย มันเป็นโจทย์ที่ท้าทายและสนุกทีเดียวครับ ลองคิดดูว่าหญิงสาวจากเกาะลึกลับปิดกั้นจากโลกภายนอก อยู่มาวันหนึ่งเธอต้องมาใช้ชีวิตกับผู้คนในโลกใบใหม่ ดังนั้นเราจะได้เห็นการกระทำหรือท่าทางที่แปลกตาขัดกับชีวิตประจำวัน เช่น เดินถือดาบ-โล่กลางถนน ความคิดที่ว่าเสื้อผ้าทุกชิ้นคือชุดเกราะ มันเป็นอะไรที่ชวนอมยิ้มและน่าติดตามมาก ๆ ครับการเดินเรื่องที่เรียบง่ายเป็นการผจญภัยเหมือนเล่นเกมทำภารกิจ ไม่ต้องใส่สัญลักษณ์ปรัชญาให้ต้องคิดตามจนปวดหัว เลยทำให้ Wonder Woman เป็นความกลมกล่อมที่ลงตัวทีเดียว ยังไม่รวมถึงการคงแก่นเนื้อเรื่องของตนเองด้วยครับ ซึ่งภายในหนังจะเป็นเรื่องราวของสาวน้อยมหัศจรรย์อย่างเดียว ไม่มีการแทรกตัวละครอื่นหรือประเด็นให้เชื่อมโยงไปยังจักรวาลอื่นมากนัก จึงเป็นข้อดีที่ทำให้หนังมีความเป็นตัวเองสูงทางด้านนักแสดงนำหลักก็มีส่วนไม่น้อย Gal Gadot นักแสดงหญิงสาวสวยที่มาพร้อมกับเสน่ห์ชวนมอง การได้เห็นเธอขึ้นจอภาพยนตร์เป็นอะไรที่ดึงดูดสายตา พร้อมกับความสามารถการรับบทบาทเป็น Wonder Woman เองก็เหมาะสมเพราะนอกจากสวยแล้ว ต้องแข็งแรง ฉลาด บู๊ได้บุ๋นได้ ทางผู้กำกับก็ได้ให้ความเห็น เกี่ยวกับนักแสดงคนนี้ว่า เธอเหมาะสมมากแถมยังมีลักษณะนิสัยที่คล้ายกับตัวฮีโร่หญิงคนนี้ด้วยอีกสิ่งที่ทำให้ Wonder Woman ดูสนุกเพลิดเพลินก็คือเคมีตัวละคร เข้าขากันอย่างลงตัวอย่าง Gal Gadot เท่านั้น กับ Chris Pine หรือตัวละครสมทบเองก็น่าสนใจไม่แพ้กันได้แก่ Saïd Taghmaoui กับ Ewen Bremner ที่เป็นสีสันของเรื่อง คอยเติมรสชาติให้กับหนังไม่ซีเรียสเกินไป ซึ่งมันเป็นจุดที่ทำให้คนดูรู้สึกเอ็นจอยกับมัน เพราะภาพยนตร์ต้องมีจังหวะผ่อนหนักเบาบ้าง แถมยังตอบรับคนดูได้ทุกเพศทุกวัยในส่วนประกอบอื่น ๆ อย่างเช่นฉากแอ็คชั่นเองก็ทำได้ดีพอสมควรครับเป็นอีกไฮไลท์ที่ทำให้ Wonder Woman ดูทรงพลัง ฉากแอ็คชั่นดูแล้วไม่เวียนหัว เห็นชัดเจนว่าตัวละครกำลังทำอะไรอยู่ พร้อมกับดนตรีประกอบที่บรรเลงโดย Hans Zimmer & Junkie XL ทำให้รู้สึกฮึกเหิมไปกับตัวละครในจอภาพยนตร์ดังนั้นแล้วก็จะเห็นว่า Wonder Woman ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษนักเพียงแค่ใช้ความเรียบง่าย Simple ในการเล่าเรื่อง เป็นตัวของตัวเองไม่เชื่อมโยงจนหาแก่นเรื่องไม่เจอ บวกกับตัวละครที่มีแรงดึงดูดและฉากต่อสู้ที่ใส่มาไม่พร่ำเพื่อ ทำให้ Wonder Woman ดูลงตัวในเกือบทุกด้าน ทำให้การทำหนังจักรวาล DC ดูจะมีอนาคตมากขึ้นและเป็นบทเรียนสำหรับการทำหนังเรื่องถัด ๆ ไปว่าควรจะมีการปูตัวละครเดี่ยวให้แน่น ก่อนที่จะไปรวมตัวหรือร่วมกับฮีโร่คนอื่น ๆ ครับสำหรับใครที่เป็นแฟนภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เตรียมตัวกันได้เลยเพราะ Wonder Woman 2 หรือในชื่อ Wonder Woman 1984 โดยจะเป็นเรื่องราวในยุค 80 ซึ่งเธอจะได้พบกับวายร้ายคนใหม่และการมาของ Steve Trevor ชายคนรักผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว กลับมาอย่างเป็นปริศนา คลิกเพื่อดูหนัง Wonder Woman วันเดอร์ วูแมนที่มารูปภาพ: รูปภาพปก / รูปภาพ 1 / รูปภาพ 2 / รูปภาพ 3 / รูปภาพ 4 (ขอบคุณรูปภาพทั้งหมดจากเว็บไซต์ Warner Bros.com)