บอกกล่าวก่อนว่าตัวผู้รีวิวนั้นมีโอกาสได้เห็นโปสเตอร์หน้าหนังของ Where We Belong ตั้งแต่ยังอยู่ในโรงภาพยนตร์เลยเชียวค่ะ ในตอนนั้นรู้สึกเฉย ๆ เพราะคิดว่าเป็นภาพยนตร์วัยรุ่น ตัวผู้รีวิวผ่านวัยรุ่นมาก็พอสมควร เกรงว่าจะดูแล้วไม่อินนั่นเองค่ะ จึงได้ปล่อยโอกาสนั้นผ่านไปอย่างไม่ไยดี แต่หลังจากที่มีการนำเอาภาพยนตร์เรื่อง Where We Belong มาฉายใน Netflix ประกอบกับเป็นช่วงที่มีเวลาว่างเพราะสาเหตุของ Covid – 19 จึงทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะดูเรื่องนี้ขึ้นมา และนั่นก็คือการเปิดประสบการณ์ที่ดีของผู้รีวิวจริง ๆ ค่ะเรื่องย่อWhere We Belong เป็นเรื่องราวของซู เด็กสาวที่ใช้ชีวิตอย่างจำเจในเมืองจันทบุรี สิ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวันของซูคือการไปจ่ายตลาดเพื่อมาทำก๋วยเตี๋ยว ก๋วยเตี๋ยวร้านเตี่ยของซู เป็นร้านดังในจังหวัด และใครต่อใครต่างก็เชื่อมั่นว่าซูจะสืบทอดร้านก๋วยเตี๋ยวต่อจากพ่อ แต่ใครจะรู้เลยว่าซูนั้นสุดแสนจะเบื่อชีวิตที่แสนจำเจแบบนี้ เธอจึงตัดสินใจสอบชิงทุนเพื่อไปเรียนต่อที่ประเทศฟินแลนด์ แม้ไม่ได้รับการยอมรับจากพ่อ แต่ซูก็มีเบล เพื่อนสุดซี้คอยเป็นกำลังใจให้ แม้เบลจะไม่อยากให้ซูไปเรียนต่อ แต่เพื่อความสุขของเพื่อนรัก เบลก็มอบให้ได้ฉากและตัวเรื่องแสนงดงามสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของภาพยนตร์คือ เนื้อเรื่องสุดแนว และฉาก รวมถึงการตัดต่อที่ลงตัว ซึ่งจุดเด่นประการนี้จะยกให้ใครไม่ได้เลยนอกจาก ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งก็คือ คงเดช จาตุรันต์รัศมี เนื้อเรื่องสวยงาม แสดงให้เห็นมิตรภาพระหว่างเพื่อนรัก การอยากหนีไปจากถิ่นเกิด และชีวิตที่มั่นคงปลอดภัย แต่ไม่มีความสุข**มีการเปิดเผยเนื้อหาส่วนสำคัญของภาพยนตร์**สะท้อนความคิดวัยรุ่นอย่างแยบยลWhere We Belong คือ ภาพยนตร์ที่สะท้อนให้เห็นความคิดของวัยรุ่นยุคนี้หลาย ๆ ประการ ไม่ว่าจะเป็นการใฝ่ฝันถึงชีวิตที่ดีกว่า ซึ่งสิ่งที่ดีกว่ายึดโยงกับต่างประเทศ อย่างการที่ซูฝันอยากไปเรียนต่อที่ฟินแลนด์ แม้ซูจะไม่รู้จักฟินแลนด์มากไปกว่าการรู้ว่าเป็นประเทศที่ระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก หรือการที่เบลหลงรักครูสอนภาษาชาวต่างชาติ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนชุดความคิดของวัยรุ่นสมัยนี้ได้เป็นอย่างดีสะท้อนความคิดของคนยุคเก่ากับคนยุคใหม่ในเรื่องพ่อของซูไม่เห็นด้วยกับการที่ซูจะไปเรียนฟินแลนด์แม้แต่น้อย เพราะเขาคิดว่าการสืบทอดร้านก๋วยเตี๋ยวสูตรเด็ด สูตรดังคือสิ่งที่คุ้นเคย เป็นสิ่งที่ปลอดภัย เป็นเซฟโซน ซูเองก็รู้จักสูตรก๋วยเตี๋ยวดีอยู่แล้ว รู้ทั้งการจ่ายตลาด รู้ทุกสิ่ง และแน่นอนว่าจะประคองชีวิตไปได้อย่างราบรื่นแน่นอน หากว่าสืบทอดร้านก๋วยเตี๋ยวนี้ต่อไป แต่พ่อของซูไม่ได้คิดเผื่อไปถึงอนาคต ซึ่งใครจะไปรู้ได้เลยว่าในอนาคต ร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยกว่าก็อาจจะเกิดขึ้นในจังหวัดแห่งนี้ก็เป็นได้ หรือบางทีหากซูเลือกสืบทอดร้านก๋วยเตี๋ยว อาจจะเจอพิษเศรษฐกิจ Covid – 19 ก็ได้ในขณะที่ซูมองว่าการไปค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ในประเทศใหม่ ๆ คือสิ่งที่ดีกว่าเนื้อเรื่องช่วงนี้สื่อให้เห็นถึงชุดความคิดของคนยุคเก่าและคนยุคใหม่ได้ดีมาก คนยุคเก่าจะไม่อยากเปลี่ยนแปลง ไม่อยากลองอะไรใหม่ ๆ เพราะคิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่ดีมากพอแล้ว และพาลบังคับให้คนยุคใหม่ยอมรับอีกด้วย ( ดังเช่นที่พ่อของซูได้ทำกับซู ) แต่ใครจะรู้เลยว่าการเปลี่ยนแปลง อาจจะทำให้เกิดสิ่งที่ดีกว่าก็ได้“แม่เป็นคนบอกซูเองนั่นสิเนอะว่า เราไม่เหมาะจะอยู่ที่นี่ แต่ถึงเราจะไม่ชอบที่นี่ รู้สึกอยากไปจากที่นี่ แต่ไม่ได้แปลว่าเราต้องไป เราก็ทำที่นี่ให้มันดีขึ้นสิ”นี่คือประโยคที่ผู้เขียนคิดว่าเป็นประโยคสำคัญในเรื่อง จริงหรือที่เราสามารถจะเปลี่ยน “ที่นี่” ด้วยตัวเราเอง เพราะทุกอย่าง ทุกปัจจัยไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ต้องอาศัยปัจจัยประกอบมิตรภาพงดงามของวัยรุ่นที่ทุกคนคุ้นเคยหากใครที่จำช่วงวัยรุ่นได้ จะรู้ดีว่าเพื่อนแทบจะคือทุกอย่างในชีวิต แต่บ่อยครั้ง ความรักของเพื่อนที่มีให้เราอาจไม่มากเท่ากับที่เรามีให้เพื่อน ซึ่งซู มีบาดแผลกับเพื่อนสนิทคนเก่า ทำให้ไม่สามารถเปิดใจกับเบลได้เหมือนกับเพื่อนเก่า แต่เบลแม้จะน้อยใจไปบ้าง แต่ความรักที่มีให้ซูก็ไม่ลดลงเลยตอนจบที่ลงตัวภาพยนตร์เรื่องนี้จบแบบปลายเปิด คือไม่ได้สรุปอย่างแน่ชัด แต่ให้ผู้ชมประมวลเอาเองจากเหตุการณ์ต่าง ๆ แต่ฉากจบที่เบลขับมอเตอร์ไซค์ไปซื้อผ้าอ้อมให้คุณย่า ใช้ชีวิตเหมือนเดิม ท่ามกลางแสงตะวันที่จะตกดิน เป็นฉากที่หน่วง ๆ และเศร้ามาก เหมือนกับว่าเบลต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น คล้าย ๆ กับการยอมรับชะตากรรม แม้เบลจะอยากให้ซูอยู่ด้วยแค่ไหน แต่เบลก็ทำได้แค่เอาใจช่วยอยู่ที่เดิมเป็นฉากที่เรียกน้ำตาได้อย่างแท้จริง ถือว่าผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ทำได้ยอดเยี่ยมและกินใจมากสรุปความรู้สึกและความคิดเห็นที่มีต่อภาพยนตร์สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ จัดได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้รีวิวประทับใจ เพราะสะท้อนทั้งความคิด ชีวิต และการมองโลกของวัยรุ่น รวมไปถึงทัศนคติของผู้ใหญ่ที่บางครั้งก็ยึดเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่โดยไม่ดูบริบทของโลก เป็นหนังที่ดูได้ทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่ และที่เกินความความหมายคือการแสดงของสาว ๆ BNK อย่างเจนนิษฐ์ ที่แทบจะแบกเอาไว้ทั้งเรื่อง และมิวสิคที่มีการแสดงออกทางสีหน้าและแววตาได้อย่างลึกซึ้ง ดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบ ผู้รีวิวตกหลุมรักสาวมิวสิคมาก ๆ และคิดว่าถ้ามีเพื่อนดี ๆ แบบนี้สักคนชีวิตคงไม่ขออะไรอีกต่อไปแล้ว อยากให้ทุกคนที่คิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังวัยรุ่นทั่วไป ได้เปิดใจชมกันและสามารถไปตามรอยสถานที่จริงของภาพยนตร์ Where We Belong ได้ที่ >>> จันทบุรี ตามรอย BNK48 ใน Where We Belong(เครดิตภาพที่ 1/ ภาพที่ 2/ ภาพที่ 3 / ภาพปก)