หลังจากได้ดูอนิเมะเรื่อง Violet Evergarden จบไปแล้ว อนิเมะเรื่องนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในอนิเมะในดวงใจ และ “อนิเมะที่ควรดูสักครั้งในชีวิต” ไปแล้ว วันนี้ยังไม่ได้จะมาวิเคราะห์เชิงลึกอะไรทั้งสิ้น.. แต่อยากจะมาเชิญชวนให้ทุกคนเปิดตาเปิดใจ ดูอนิเมะเรื่องนี้สักครั้งกันครับViolet Evergarden เป็นเรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่งที่มีนามว่า “ไวโอเล็ต” เธอเป็นเด็กที่โตขึ้นมากับสงคราม ถูกฝึกให้กลายมาเป็นอาวุธสงคราม ตลอดช่วงชีวิตของเธอนั้นถูกดูแลเหมือนเธอเป็นสิ่งที่ไร้หัวใจ และเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ทำตามคำสั่งเท่านั้นบุคลิกของไวโอเล็ตผู้นี้เป็นที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากเธอถูกดูแลมาอย่างนั้น ทำให้ไวโอเล็ตเป็นคนที่ไม่มีสีหน้า ไม่ยิ้มแย้ม ไม่เจ็บปวด ไม่เศร้าโศกกับอะไรทั้งสิ้น แต่ความจริงแล้วเธอก็เป็นคนธรรมดานี่แหละ เพียงแต่ทุกๆครั้งที่เกิดความรู้สึกเธอจะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเรียกว่าอะไร คนๆเดียวที่หลังจากได้รับเธอมาและไม่ใช้เธอเยี่ยงเครื่องมือก็คือผู้บังคับบัญชาของเธอเอง “ผู้พันกิลเบิร์ต” ช่วงสงครามครั้งสุดท้ายทำให้ไวโอเล็ตเสียแขนของตนเองไปทั้งหมด 2 ข้าง คำพูดสุดท้ายที่ผู้พันพูดกับเธอก็คือ “จงใช้ชีวิต และเป็นอิสระ” แต่เธอก็ยังเข้าใจว่ามันเป็นคำสั่งและไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของประโยคนั้นเมื่อสงครามสิ้นสุดลง มีอาชีพใหม่เกิดขึ้นนั่นก็คือการรับจ้างเขียนจดหมายซึ่งเป็นประเด็นหลักของเรื่องนี้เลย (ในเรื่องคนเขียนหนังสือไม่เป็นเยอะซึ่งอาจเป็นผลมาจากสงคราม) ซึ่งอาชีพนี้ก็เรียกว่า Auto Memories Dolls นั่นเองคนเขียนจดหมายที่ดีต้องเป็นคนที่เข้าใจความรู้สึกของลูกค้าอย่างแท้จริง และสามารถถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นลงในแผ่นกระดาษได้เป็นอย่างดีไวโอเล็ตได้เข้าไปทำงานนี้ในบริษัทของเพื่อนผู้พันกิลเบิร์ต ทีนี้มันก็มีข้อน่าสังเกตแล้วสิ... หญิงสาวไร้อารมณ์คนนี้น่ะเหรอ? จะเข้ากับงานอย่างนี้ได้ยังไง? เราจะค่อยๆเห็นความ Coming of age ของไวโอเล็ต ที่ค่อยๆเดินทางเพื่อเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า “ความรู้สึก” ลูกค้าแต่ละคนเปรียบเสมือนชิ้นส่วนชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ค่อยๆเข้ามาเติมเต็มตัวเธอให้เติบโตขึ้น การเดินทางนี้ไม่ใช่เพื่อที่จะเข้าใจคนอื่นอย่างเดียว แต่เป็นการเดินทางสู่การเข้าใจตนเองด้วย เหตุผลหนึ่งที่ทำให้จดหมาย เป็นตัวแปรที่สำคัญต่อเรื่องนี้อาจจะอธิบายได้ว่า “แม้เป็นเรื่องที่ปกติไม่กล้าพูด แต่ก็สามารถสื่อสารกันได้ด้วยจดหมาย/หรือการเขียน” นั่นเองครับในตอนแรกๆ เราจะเห็นไวโอเล็ตเป็นคนที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก ได้แต่ทำตามคำสั่งของคนอื่นเหมือนคิดว่าตัวเองยังเป็นแค่เครื่องมืออยู่ ทำงานหามรุ่งหามค่ำเพราะถูกฝึกมาให้รบ แต่พอดูจบมันทำให้อยากยิ้มขึ้นมาซะงั้น การที่เรื่องใช้จดหมายมาเป็นประเด็นหลักถือว่าน่าสนใจอย่างมาก เพราะจดหมายเป็นเหมือนตัวแทนของการสื่อสารที่ถูกเรียบเรียง ไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว ไม่ได้เป็นการสื่อสารที่รวดเร็วอย่างแชทหรืออีเมลในปัจจุบัน ดังนั้นการที่จะเขียนลงไปครั้งหนึ่ง ผู้เขียนจะต้องเข้าใจถึงสิ่งที่ผู้พูดต้องการจะสื่อจริงๆ เหมือนกับคำพูดในเรื่องที่ว่า “คำพูดมันอาจตีความได้หลายอย่าง สิ่งที่คนเราพูดไม่ใช่ความจริงทั้งหมดหรอก”ภาพจาก Facebook - Violet Evergardenสิ่งที่ได้รับจาก Violet Evergarden ไม่ได้เป็นแค่ความบันเทิง แต่มันกระตุ้นให้คนดูฉุกคิด และทบทวนถึงประเด็นต่างๆเกี่ยวกับชีวิตด้วย เรารู้จักความรู้สึกได้ยังไง? เรารู้ได้ไงว่านี่คือความรู้สึกเหงา? คนที่อยู่ใกล้ตัวเรา เราเข้าใจเขาดีหรือยัง? การพบปะผู้คนแต่ละคนในแต่ละตอน ทำให้เราค่อยๆเรียนรู้ไปกับไวโอเล็ต ซึ่งเป้าหมายหลักของเธอก็คือ ต้องการจะเข้าใจความรู้สึกที่ซับซ้อนที่สุด หรือ “รัก” นั่นเองสิ่งที่ยิ่งดึงดูดให้เข้าไปดู Violet Evergarden ก็คือส่วนของ Production ครับ ผมขอเชิญทุกคนดูกันทีละส่วนเลยละกันภาพจาก Facebook - Violet Evergardenในส่วนของภาพ บอกได้เลยว่าต้องไม่ผิดหวังกับฝีมือของ Kyoto Animation ภาพสวยมากครับ! แสงและเงาบางครั้งก็เผลอคิดไปเลยว่านี่มันสวยเกินจริงไปรึเปล่า เมืองในอนิเมะเรื่องนี้ถูกเซตมาอยู่ในยุคที่เทคโนโลยียังไม่พัฒนามาก เราจะได้เห็นเครื่องพิมพ์ หรือไม่ก็รถยนต์ยุคเก่าๆ กับตึกรามบ้านช่องที่ดูเหมือนในยุคผู้ดีอังกฤษซะเป็นส่วนใหญ่ บวกกับเพลงประกอบที่ไม่มีข้อติอีกเช่นเคย ทำให้ให้ความรู้สึก Immersive (ดำดิ่ง) ไปกับเนื้อเรื่องมากๆภาพจาก Facebook - Violet Evergardenในส่วนของพล็อต บท และการออกแบบตัวละครนี่ก็อยากจะบอกว่าไม่รู้จะเอาอะไรมาด่าจริงๆ (555+) คือมันดีไปหมดทุกอย่างเลยครับ ตัวละครก็มีมิติมากๆ ตัวละครที่ผมชอบสุดๆก็คือไวโอเล็ตนี่แหละครับ ในใจก็คิดว่า โห... เค้าคิดตัวละครแบบนี้ออกมาได้ไงเนี่ย มันสร้างสรรค์แล้วก็แปลกใหม่พอสมควรเลยครับโดยรวมแล้ว ผมขอให้ยกให้ Violet Evergarden เป็นหนึ่งในหนังที่ควรค่าแก่การดู เป็นเรื่องที่พาคนดูไปขบคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ในชีวิต การรู้จักตัวเอง การเข้าใจคนอื่น ถึงแม้คุณจะไม่เคยดูอนิเมะ หรือไม่ชอบอนิเมะก็ตาม แต่ผมรับรองได้ว่า... นี่มันเปรียบได้กับหนัง live action ดีๆเรื่องหนึ่งเลยล่ะครับจดหมายที่ไม่จำเป็นต้องส่งถึงผู้รับน่ะ... ไม่มีหรอกViolet Evergarden สามารถดูอย่างถูกลิขสิทธิ์บน Netflix จ้า