สวัสดีครับ ผมเป็นนักศึกษาฝึกงานอยู่นะครับ เป็นธรรมดาสำหรับนิสิต นักศึกษาที่อยู่ชั้นปีที่ 3 ขึ้นปีที่ 4 ต้องฝึกกัน และแน่นอนผมว่าจุดมุ่งหมายของผมจากการฝึกงานนั้นก็คือการได้ Employability คือ ความสามารถในการที่จะถูกจ้างงานนั่นเองนะครับ ซึ่งก่อนการไปฝึกงาน อาจารย์ที่ดูแลก็ได้สอนยุทธวิธีเล็กน้อยๆ การเก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆเพื่อนให้ได้ Employability ที่ดีนั่นเองครับ ซึ่งยุทธิวิธีนั่นก็คือ USEM Model หรือ “ ชุดของความสำเร็จ – ทักษะความเข้าใจและความเป็นส่วนตัว คุณลักษณะที่ทำให้บุคคลมีแนวโน้มที่จะได้งานทำและประสบความสำเร็จ อาชีพที่เลือกซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวเองแรงงานชุมชน และเศรษฐกิจ” ซึ่งผมคิดว่าคงเป็นประโยชน์ไม่แค่กับนิสิตที่จะฝึกงาน แต่สำหรับคนที่เพิ่งจบใหม่ คนที่กำลังหางาน หรือทำงานอยู่ ก็สามารถใช้หลักการนี้ได้ครับ มีอะไรบ้าง ไปดูกัน!! สิ่งที่ต้องมีหรือพัฒนา1.U-Understanding Understanding หรือความเข้าใจนั้นซึ่งเป็นมากกว่าความรู้ แน่นอนว่าสิ่งที่เราเรียนมาทั้งหมดกว่าจะจบมาได้นั้นก็การันตีได้ส่วนนึงว่าเรามีความรู้ แต่แค่ความรู้นั้นยังไม่พอกับการทำงานจริงๆ ความเข้าใจต่างหากละที่สำคัญมากๆในการทำงาน ความเข้าใจนั้นก็คือการที่คุณรู้ว่า เมื่อไหร่ และตรงไหนที่คุณควรใช้ความรู้เรื่องนั้นๆ หรือการประเมินค่าทฤษฎีต่างๆที่ได้เรียนมาว่าควรใช้อันไหนในงานของคุณ และไม่เพียงแต่ความเข้าในในวิชาเรียนหรือทฤษฎีเท่านั้น คุณต้องเข้าใจถึงองค์กรที่คุณจะไปสมัคร ทั้งในเรื่องของลักษณะองค์กร และการทำงาน2.S-skill Skill คือความสามารถที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งทักษะที่จำเป็นในการทำงานนั้นย่อมมีอิทธิพลมากในการถูกจ้างงาน อย่างเช่น ทักษะการติดต่อสื่อสาร, ทักษะในการแก้ปัญหา, ทักษะในการสรุป , ทักษะในการทำงานเป็นทีม, ทักษะทางด้านอินเทอร์เน็ต, ทักษะในการคิดวิเคราะห์, ทักษะในการเป็นผู้นำ, ทักษะในการเป็นผู้ตาม หรือทักษะอะไรก็ตามที่คุณต้องมี หรือพัฒนาเพื่อการที่จะได้งานมาในศตวรรษที่ 21 นี้ ซึ่งแน่นอนว่างานแต่ละงานก็ต้องการทักษะที่แตกต่างกันไป ทักษะที่เป็นประโยชน์ส่วนมากก็จะเปลี่ยนไปเมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพราะฉะนั้นเราควรพัฒนา และเพิ่มทักษะที่เป็นประโยชน์อย่างต่อเนื่องนะครับ 3.E-Efficacy belief Efficacy belief หรือแปลตรงตัวก็คือ ความเชื่อด้านประสิทธิภาพ? หรือคำที่คล้ายๆกันก็คือ Growth mindset นั่นเองก็คือการเชื่อมั่นว่าตัวเองนั้นมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ สามารถทำมันได้ ไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้ เป็นการความเชื่อที่ทำให้ตัวเองพัฒนาขึ้น ไม่ย่ำอยู่กับที่ ไม่ fixed ตัวเอง หรือ ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็อย่างเช่น เมื่อคุณเริ่มเรียนรู้งานใหม่ และคุณไม่ถนัดเอาซะเลยแต่ถ้าคุณเชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้และพยายามทำ บางทีคุณอาจะเป็นโปรในด้านนั้นเลยก็ได้นะ 4.M-Meta-cognition Meta-cognition "อภิปัญญา" หรือ การรู้คิด ถ้าไปใช้ google translate ละก็จะขึ้นว่า “awareness and understanding of one's own thought processes.” –“การรับรู้และความเข้าใจในกระบวนการคิดของตนเอง” ก็คือการรู้ว่าเรารู้อะไร คิดอย่างไร และคิดถึงการที่บรรลุเป้าหมายว่าจะทำได้อย่างไร คุณต้องรู้ก่อนว่าคุณรู้อะไรมาบ้าง คุณรู้ว่า คุณทำงานลักษณะไหน ทำประมาณไหน คุณรู้ว่าคุณทำส่วนนี้แล้วคุณต้องรู้อะไรบ้าง รู้ว่าตัวเองรู้อะไรมาแล้ว เข้าใจอะไรแล้ว และยังไม่รู้อะไร ยังไม่เข้าใจอะไร แล้วคุณจะรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ได้อย่างไร ควรใช้วิธีไหนให้เหมาะสมกับตัวเอง และเมื่อคุณคิดว่ารู้สิ่งนั้นๆแล้ว คุณจะรู้ได้อย่างไรว่ารู้สิ่งนั้นแล้วจริงๆ ค่อนข้างอธิบายยาก แต่ไว้ผมจะเขียนอธิบายให้เห็นภาพแยกอีกบทความนึง หรือแนะนำลองไปเสิชเพิ่มเติมตาม google ก็ได้นะครับ เป็นอย่างไรกันบ้างละครับ สำปรับ 4 ยุทธวิธี สู่ Employability ที่ดี หากเพื่อนๆ มีกลยุทธแบบอื่นๆก็มาแชร์กันได้นะครับ หรือใครลองทำตามนี้แล้วได้ผลอย่างไรมาแชร์ให้ฟังด้วยน้า ขอบคุณรุปภาพจาก...pecels.com : รูปที่1/ภาพหน้าปก ,รูปที่2 , รุปที่3 , รูปที่4ขอบคุณ workshop ดีดีจาก Dr.Ben Embley , ผศ.ดร.ปวีณา ประไพรนัยนา