บางทีการเปลี่ยนแปลงอาจมาถึงเร็วโดยที่เราไม่ทันคาดคิด อย่างน้อยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ COVID-19 นั้นก็ส่งสัญญาณออกมาแล้วว่าคงจะอยู่กับโลกเราไปอีกนาน เพราะถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีวี่แววของวัคซีนออกมา และจากการวิเคราะห์ขององค์การอนามัยโลกก็บอกว่า มีสิทธิ์ที่เจ้าไวรัสร้ายตัวนี้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น หลายประเทศที่พบกับปัญหาของมาตรการต่าง ๆ ที่ไม่สามารถบังคับใช้แบบยืนระยะได้นั้นก็เป็นปัจจัยชี้วัด โรคติดต่ออาจเป็นเรื่องร้ายแรงก็จริง แต่พิษจากเศรษฐกิจก็คร่าชีวิตมนุษย์ได้ไม่แพ้กัน และสิ่งที่มนุษย์กำลังจะเผชิญในภาวะต่อไปนี่แหละที่เรียกว่า "The New Abnormal" หรือภาวะไม่ปกติแบบใหม่ ไม่มีใครกล้าคาดการณ์ไปถึงสถานการณ์ของโลกหลังวิกฤติ COVID-19 แบบชัดเจน สมมุติฐานที่ว่าหากโลกเราหมดสิ้นไวรัสโคโรนานี้แล้วจะออกมาแบบไหน เพราะจากระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา นับแต่ธันวาคม 2562 นั้น เรียกได้ว่าทุกอย่างแทบชะงักงัน เหมือนโลกหยุดหมุนชั่วขณะ แน่นอนว่าที่ผ่านมาคนกลัวไวรัสแพร่ระบาดมาก จนยอมที่จะทนกับทุกมาตรการที่ออกมาจากภาครัฐเพื่อความปลอดภัยในภาวะไม่ปกติ ไม่ว่าจะเป็น Social Distancing หรือมาตรการหนัก ๆ อย่าง เคอร์ฟิว หรือปิดเมือง แต่กับวันนี้ กับภาวะผิดปกติใหม่ที่ว่านี้ อะไรจะสำคัญไปกว่าปัญหาปากท้อง ปัญหารายได้ ที่จะต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ให้ได้เช่นกัน สภาวการณ์แบบที่คนเคยกลัวไวรัสเหมือนจะผ่านไปแล้ว แต่ไม่ใช่ไม่กลัว แต่กลายเป็นว่ากลัวปัญหาอย่างอื่นมากกว่า หลายภาคส่วนได้ประเมินออกมาแล้วว่าเศรษฐกิจโลกเสียหายอย่างหนักอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แล้วการฟื้นตัวจะกลับมาได้อย่างไรในภาวะแบบนี้ที่ไวรัสก็ยังคงอยู่ ภายใต้เงื่อนไขที่โลกจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ด้วยซ้ำ หากมีคำถามที่ว่าเกิดมีการระบาดรอบสอง ที่จะต้องมีมาตรการเข้มข้น ที่จะต้องปิดเมืองอีกครั้ง คนต้องหยุดงานกันอีกครั้ง ครั้งนี้จะรับมือกับความเดือดร้อนของผู้คนไหวหรือไม่ ในทางกลับกันจะมีคนยอมทนกับวิกฤตินี้อีกหรือไม่? การจะเปิด ๆ ปิด ๆ เมือง หรือบังคับใช้มาตรการที่เบาบางลงนั้น เพราะรัฐบาลแต่ละประเทศก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะกลับไปอยู่ภาวะแบบเดิม ไม่กล้าเสี่ยงกับวิกฤติเศรษฐกิจ แต่เมื่อไม่กล้าเสี่ยงแล้วรัฐบาลแต่ละประเทศจะบริหารความเสี่ยงได้อย่างไร? แล้วในส่วนของประชาชนอย่างเรา ๆ จะทำอย่างไร กับความผิดปกติ Abnormal ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว และกับความ ผิดปกติใหม่ New Abnormal ที่กำลังเกิดขึ้น จะปฏิบัติตัวอย่างไร จะใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างไร จะทำเพื่อส่วนรวมอย่างไร ไปพร้อมกันทั้งโลกอย่างไร เหล่านี้นี่แหละที่เป็นปัญหาวนเวียนหาคำตอบอยู่ นอกจากการเยียวยาตนเอง เยียวยาสังคมให้ฟื้นขึ้นมาระดับหนึ่งได้แล้ว โครงสร้างของการใช้ชีวิตในภาพใหญ่ก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดร่วมกัน เพราะที่แน่ชัดคือเรากลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้ คิดแบบเดิมไม่ได้ หากจะคิดเพื่อความอยู่รอด เพราะไม่มีใครหรือองค์กรใดรับรองให้เราได้เลยว่าจะไม่มีโรคระบาดอีกรอบ ไม่มีใครรับรองได้ว่าวิกฤติเศรษฐกิจจะยาวนานอีกแค่ไหน ในเมื่อกติกาในการใช้ชีวิตแบบเดิมมันใช้ไม่ได้แล้ว ก็ต้องสร้างกติกาใหม่ขึ้นมาร่วมกัน โจทย์หลัก ๆ คือเราจะอยู่ร่วมกันอย่างไรนับจากนี้ ท่ามกลางภาวะ Abnormal, New Normal และ New Abnormal ผลกระทบจากวิกฤติไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ COVID-19 นั้น ทำให้ทุกภาคส่วน ภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคบริการ หรือแม้แต่ภาคประชาชน อาจมีโครงสร้างความเป็นอยู่ การทำงานที่สลับซับซ้อนขึ้น พฤติกรรมในการใช้ชีวิตมีระเบียบแบบแผนมากขึ้น ใส่ใจกับสุขภาพอนามัยมากขึ้น และมีเหตุผลกับการอยู่ร่วมกันเป็นสังคมมากขึ้น ภูมิทัศน์ โลกทัศน์ มุมมองอาจปรับเปลี่ยนทั้งหมด เหมือนเป็นการเปลี่ยนผ่านจากโลกหนึ่งไปยังอีกโลกหนึ่ง เป็นภาวะไม่ปกติใหม่ที่จะต้องกลายเป็นเรื่องปกติให้ได้ ขอบคุณภาพปก Freepik.com ภาพประกอบ 1. Freepik.com 2. United Nations COVID-19 Response 3. Freepik.com 4. United Nations COVID-19 Response