หลังจากนั่งรถบัสจากเมืองดูบรอฟนิกในตอนค่ำ ๆ ทำให้มาถึง Kotor ประเทศมอนเตเนโกรเกือบ ๆ ห้าทุ่ม คนหลายคนอาจจะงง ประเทศมอนเตเนโกร มันอยู่ตรงไหนบนโลกใบนี้ นี้ค่ะ อยู่ติดกับบอสเนียและโครเอเชียบนทางเหนือ ทางใต้จะติดกับประเทศอัลเบเนีย ( Albania ) เมืองหลวงชื่อกรุง Podgorica เมืองโคตอร์ ( Kotor ) นั้นน่าสนใจทั้งทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เพราะต้องย้อนไปถึงสองพันปี เมืองแห่งนี้อยู่ติดทะเลทำให้แน่นอนว่าประวัติศาสตร์ต้องไปเกี่ยวกับการค้าขาย ในอดีตนั้นเมือง Kotor เคยผ่านมาทั้งโรมัน อาณาจักรไบแซนไทน์ พวกออตโตมันหรือตุรกีในปัจจุบัน และยังเคยตกเป็นของเวนิส ทำให้จะเห็นหลากหลายวัฒนธรรมออกมาในรูปแบบของประติมากรรม สิ่งปลูกสร้างที่จะไม่มีความเป็นเป็นของชาติใดชาตินึง แต่จะเป็นการหลอมรวมทุก ๆ อย่าง จะสวยขนาดไหนตามมาชมกันเลยคะ เดินออกมาจากโฮสเทลก็จะเจอวิวอลังการแบบนี้เลยค่ะ โฮสเทลอยู่ใกล้ๆ สถานีรถบัส ชื่อโฮสเทล PUPA Kotor ราคาคืนล่ะ 15 Euro ค่าเงินของที่นี้จะใช้เงินยูโรค่ะ เรื่องแปลก ๆ มีอีกแล้ว มอนเตเนโกรเป็นประเทศเดียวที่ไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรปหรืออียู รวมไปถึงยูโรโซน ( Euro Zone : ใช้ยูโรเป็นสกุลเงิน ) แต่ก็ใช้เงินยูโร ( Euro ) เป็นสกุลเงินประจำชาติ ทำให้เราสะดวกมาก ๆ เพราะพกมาแต่ยูโรมาค่ะ จะเห็นว่ามีเรือเข้ามาเทียบท่ามากมาย ดูคึกคักมาก ๆ ค่ะ ส่วนตัวเมืองเก่านั้นจะอยู่ในกำแพงเมือง ให้เดินเรียบ ๆ ท่าเรือมาเลย มีนักเรียนมาทัศนศึกษากันเยอะแยะ ส่วนตัวชอบตรงที่แม้จะมีนักท่องเที่ยวเยอะ แต่ก็ไม่ถึงขนาดเมืองก่อนหน้านี้ คือเมืองดูบรอฟนิก โครเอเชีย ส่วนตัวยังถือว่า ชิว ๆ ได้อยู่ค่ะ บ้านเมืองจะทำด้วยหิน ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองหินอีกที เรียกว่า Fortification หรือ ป้อมปราการนั่นแหละค่ะ โดยเมืองโคตอร์จะตั้งอยู่ตรงอ่าว Kotor ของทะเลเอเดรียติก ( Adriatic Sea ) แน่นอนว่าสวยและประวัติศาสตร์ยาวนั้นจนได้รับการยกย่องจาก UNESCO heritage มีคุณค่าทางวัฒนธรรม ต้องมาเยี่ยมชมให้ได้ค่ะ มีโบสถ์ทั้งออโธดอกซ์ คาธอลิก อยู่ในบริเวณเมืองเก่า เดินวนไปวนมาก็ครบรอบเมือง ไม่ได้ใหญ่มาก เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เที่ยวได้ในหนึ่งวันจริง ๆ ชาวมอนเตเนโกรนั่นขึ้นชื่อเรื่องความขี้เกียจมาก ๆ ขี้เกียจขนาดทุก ๆ ปีจะมีเทศกาลขี้เกียจ ใครที่ทำตัวขี้เกียจมากที่สุด ก็จะชนะ 555 คือเค้าจริงจังขนาดนี้เลยค่ะ ส่วนตัวคิดว่าประเทศมอนเตเนโกรนั้นเหมือนประเทศเล็ก ๆ เงียบ ๆ คนใจดี ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอาดุมสมบูรณ์ และเป็นมิตรกับเพื่อนบ้าน ต่างกับประเทศบ้านอื่น ๆ ในบอลข่านที่ไม่ลงรอยกัน เช่น เซอร์เบีย โครเอเชีย บอสเนีย อัลเบเนีย นั่นเอง เราเดินซอกแซกเข้าไปในซอยเล็ก ๆ จะมีร้านรวง ขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ ร้านอาหารต่าง ๆ จนเจอร้านกาแฟน่ารัก ๆ แวะกินเอสเปรสโซ่ร้อนแบบอิตาเลียนเสียหน่อย ราคา 1 Euro สามสิบบาทเท่านั้นค่ะ กินกาแฟเสร็จก็มาหาความรู้ใส่สมองเสียหน่อย พามาที่ Maritime Museum เกี่ยวการทะเล การค้า น่าสนใจค่ะ เพราะว่าเมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกี่ยวข้อกับทะเลและการค้ามากมาย ค่าเข้าชมนักเรียน 2.5 Euro ไม่แพงเลยค่ะ จะเห็นแผนที่เมืองสมัยโบราณที่เก็บไว้อย่างดีในพิพิธภัณธ์ รวมไปถึงโมเดลเรือการค้าสมัยก่อน ทั้งแบบโรมัน แบบออโตมัน หรือแบบเวนิสเอง ตื่นตาตื่นใจค่ะ ไม่คิดว่าจะมีของให้ดูเยอะแยะเลย แต่ห้ามถ่ายภาพนะคะ ต้องจ่ายเงินเพิ่มค่า Photo fee บ่าย ๆ เราได้แวะทานข้าวที่ส่วนใหญ่จะขายพวกอาหารทะเลที่จับได้จากอ่าวนี้แหละค่ะ จะมีพวกปลาย่างเกลือ พาสต้าเอย ซุปเอย เราหยุดที่ร้านนี้เพราะเห็นว่ามีเซตเมนู 10 Euro ( 300 บาท ) เป็นปลาย่าง เบียร์ และซุปค่ะ ส่วนตัวคิดว่าจืด อยากได้น้ำจิ้มสามรสจากเมืองไทยจริง ๆ ค่ะ หากใครอยากเดินดูเมืองแล้วได้ความรู้เพิ่มเติม อินกับประวัติศาสตร์เรื่องราวในอดีต แนะนำพวก Free City Walking Tour ค่ะ http://www.montenegrohostel.com/kotor-free-city-tour ทิปสามารถให้หากเราพึงพอใจ เผื่อ ๆ ได้เห็นหลากหลายมุมจากคนท้องถิ่นที่เราไม่รู้ ส่วนตัวคิดว่าเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่สามารถเดินเที่ยว ไม่วุ่นวาย ธรรมชาติสวย ราคาถูกกว่าเมืองรอบข้าง ค่าครองชีพไม่แพงมากค่ะ คิดว่าถ้าได้กลับไปอีกครั้งคงจะกลับไปแน่ ๆ อยู่สักหนึ่งอาทิตย์หน้าสองอาทิตย์ใช้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติ ก็คงดีไม่น้อย เจอกันบทความหน้าค่ะ จะไปกันต่อที่เมืองบุดว่า ( Budva ) ประเทศมอนเตเนโกร ห่างจากที่นี้ไม่ถึงชั่วโมง สวยไม่แพ้กันเลยค่ะ ( ภาพถ่ายทุกภาพถ่ายโดยนักเขียนใช้ในนามปากกา whynottravel ) เพิ่มเติม : แชร์ประสบการณ์ นักเรียนทุนประเทศ “โรมาเนีย” มีดีมากกว่าปราสาทแดรกคูล่า ไปแลกเปลี่ยนกับทุน CEEPUS ที่บูดาเปสต์ ฮังการี 🇭🇺🇪🇺 One Semester in Budapest , HU